- ราคาทองคำในตลาดนิวยอร์กปิดบวกเกิน 1% เนื่องจากคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดและอ่อนค่าของดอลลาร์
- ข้อมูลเงินเฟ้อ PPI เดือนกันยายนของสหรัฐบ่งชี้ถึงแนวโน้มเงินเฟ้อที่น่าพอใจ และหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- ราคาทองคำคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ราคาทองคำในตลาด COMEX นิวยอร์กปิดบวกมากกว่า 1% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ช่วยตอกย้ำแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางยังช่วยหนุนราคาทองคำให้สูงขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 37.00 ดอลลาร์ หรือ 1.40% ปิดที่ 2,676.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินและพลาตินัมต่างก็มีการปรับตัวขึ้นเช่นกัน ยกเว้นพัลลาเดียมที่ปรับตัวลงเล็กน้อย
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในเดือนกันยายนคงที่ แต่บ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่ยังคงเหมาะสม ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า โดยจิม วิคคอฟ นักวิเคราะห์จากคิทโก เมทัลส์ คาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% สองครั้งในปีนี้
นอกจากนี้ ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ก็แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่น้อยที่สุดในรอบกว่า 3 ปีครึ่ง ซึ่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับตลาดโลหะมีค่า ดาเนียล พาวิโลนิส นักยุทธศาสตร์จากอาร์เจโอ ฟิวเจอร์ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะสูงถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568
ในขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของดอลลาร์ก็มีผลทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ดัชนีดอลลาร์ลดลง 0.1% สู่ระดับ 102.890 ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง