Investing.com - ราคาทองคำปรับลดลงในตลาดเอเชียวันนี้ เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีที่สูงต่อกลุ่มประเทศ BRICS
ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยก็ยังลดลงจากสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าข้อตกลงการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ยังคงมีผลอยู่ อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครนก็ยังคงช่วยสนับสนุนความต้องการทองคำได้บางส่วน
ราคาทองคำสปอต ลดลง 0.9% เป็น 2,629.74 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ ทองคำฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 1.1% มาเป็น 2,652.11 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 11:10 น. (GMT+7)
ทรัมป์ได้ขู่เรียกเก็บ “ภาษี 100%” ต่อกลุ่มประเทศ BRICS พร้อมเตือนพวกเขาไม่ให้หาทางเลือกแทนเงินดอลลาร์
คำขู่ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อค่าเงินของกลุ่ม BRICS และช่วยหนุนเงินดอลลาร์ ขณะที่เทรดเดอร์กังวลเกี่ยวกับนโยบายการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐในยุคของทรัมป์ ที่เมื่อสัปดาห์ก่อนเขาเพิ่งขู่เพิ่มภาษีนำเข้าต่อจีน แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าระดับโลกอีกครั้ง
เงิน ดอลลาร์ ที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกดดันตลาดโลหะทั้งหมด อีกทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเงินเฟ้อในระยะยาวภายใต้การบริหารของทรัมป์ ก็อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง และกดดันตลาดโลหะต่อไป
โลหะมีค่าอื่น ๆ ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดย แพลตตินัมฟิวเจอร์ส ลดลง 0.7% มาเป็น 945.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ แร่เงินฟิวเจอร์ส ลดลง 1.5% มาเป็น 30.648 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ในกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม ราคาทองแดงปรับลดลงในวันนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติมจากสหรัฐและเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าได้ชดเชยสัญญาณเชิงบวกจากจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าทองแดงรายใหญ่ที่สุดของโลก
ทองแดงฟิวเจอร์ส ในตลาด London Metal Exchange ลดลง 0.5% เป็น 8,976.50 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ ทองแดงฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนมีนาคมลดลง 0.7% เป็น 4.1145 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ข้อมูลดัชนี PMI จาก รัฐบาล และ ภาคเอกชน ของจีนแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการผลิตของประเทศขยายตัวมากกว่าที่คาดในเดือนพฤศจิกายน
โดยข้อมูลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากปักกิ่งได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกหลายประการตั้งแต่เมื่อปลายเดือนกันยายน เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
แม้ว่ามาตรการเหล่านี้จะเริ่มส่งผลบวกออกแล้วบ้าง แต่ตลาดก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากสงครามการค้ากับสหรัฐ
เทรดเดอร์ยังคงรอคอยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากการประชุมทางการเมืองสำคัญอีกสองครั้งในจีนซึ่งจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้