tradingkey.logo

USD/CHF ดีดตัวกลับจาก 0.8900 เมื่อ USD รีบาวด์ นโยบายของเฟดเป็นจุดสนใจ

FXStreet16 ธ.ค. 2024 เวลา 11:22
  • USDCHF ฟื้นตัวจาก 0.8900 ตามการเด้งกลับของดอลลาร์สหรัฐ
  • นโยบายของเฟดยังคงเป็นจุดสนใจ โดยคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดเบสิสเป็น 4.25%-4.50%
  • ในวันพฤหัสบดี SNB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลักลงอย่างไม่คาดคิด 50 จุดเบสิสเป็น 0.5%

ในตลาดลงทุนยุโรปวันจันทร์ คู่ USDCHF ดีดตัวขึ้นจากแนวรับระดับ 0.8900 คู่สกุลเงินฟรังก์สวิสเด้งกลับเนื่องจากดอลลาร์สหรัฐ (USD) ฟื้นตัวจากขาลงในวันนี้และเปลี่ยนเป็นบวก โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 107.00

นักลงทุนเตรียมพร้อมรับความผันผวนสูงในคู่ USD เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดประกาศการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของปีในวันพุธ นักลงทุนในตลาดจะให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับ dot plot ของเฟดและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในปี 2025 โดยนักลงทุนยังคงมั่นใจว่าธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดเบสิส (bps) เป็น 4.25%-4.50%

dot plot ของเฟดจะแสดงทิศทางของอัตราดอกเบี้ยเงินกองทุนกลางในระยะกลางและระยะยาว ตามการสำรวจของ Bloomberg คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปี 2025 วัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายของเฟดจะค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้นในปีหน้า เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงขาขึ้นต่ออัตราเงินเฟ้อมากกว่าความเสี่ยงขาลงต่อการจ้างงาน

ในตลาดวันนี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของ S&P Global สหรัฐฯ สำหรับเดือนธันวาคม ซึ่งจะเผยแพร่เวลา 14:45 GMT รายงาน PMI คาดว่าจะชี้ให้เห็นถึงการเติบโตปานกลางในกิจกรรมทางธุรกิจโดยรวม

ในขณะเดียวกัน ฟรังก์สวิส (CHF) ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า SNB จะกลับไปสู่เส้นทางนโยบายที่ผ่อนคลายอย่างมากเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารที่ 2%

SNB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลักลงอย่างไม่คาดคิด 50 จุดเบสิสเป็น 0.5% ในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักลงทุนคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามปกติ 25 จุดเบสิส

US Dollar FAQs

ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่ใช้อย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา และเป็นสกุลเงินที่ใช้ 'โดยพฤตินัย' ของประเทศอื่น ๆ จำนวนมากที่มีการหมุนเวียนควบคู่ไปกับสกุลเงินท้องถิ่น เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 88% ของมูลค่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก หรือมีมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันตามข้อมูลของปี 2022 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สกุลเงิน USD เข้ามารับช่วงต่อตำแหน่งสกุลเงินสำรองของโลกจากสกุลเงินปอนด์ของอังกฤษที่เป็นในประวัติศาสตร์ใหญ่ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ถูกค้ำด้วยทองคำ จนกระทั่งเกิดข้อตกลง Bretton Woods ในปี 1971 เมื่อมาตรฐานการค้ำด้วยทองคำหมดไป

ปัจจัยเดียวที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐคือนโยบายทางการเงินซึ่งกำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เฟดมีหน้าที่สองประการ: เพื่อให้บรรลุเสถียรภาพด้านราคา (ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ) และส่งเสริมการจ้างงานเต็มรูปแบบ เครื่องมือหลักในการบรรลุเป้าหมายทั้งสองนี้คือการปรับอัตราดอกเบี้ย เมื่อราคาต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไปและอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ทางเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะหนุนค่าเงิน USD แต่เมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2% หรืออัตราการว่างงานสูงเกินไป เฟดอาจเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์

ในสถานการณ์ที่รุนแรงมากจริง ๆ ทาง Federal Reserve ยังสามารถพิมพ์ดอลลาร์ออกมาเพิ่มเติมและออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ได้ การทำ QE เป็นกระบวนการที่เฟดเพิ่มการไหลเวียนของสินเชื่อในระบบการเงินที่ติดขัดอยู่อย่างมาก โดยเป็นมาตรการทางนโยบายที่ไม่ได้เป็นมาตรฐานซึ่งใช้เมื่อสินเชื่อหมดเนื่องจากธนาคารจะไม่ให้กู้ยืมระหว่างกัน (เพราะกลัวคู่สัญญาจะผิดนัดชำระหนี้) ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อการลดอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะบรรลุผลลัพล์ที่จำเป็น ถือเป็นเครื่องทางเลือกสุดท้ายของเฟดในการต่อสู้กับวิกฤติสินเชื่อที่เกิดขึ้นระหว่างวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ในปี 2008 โดยเกี่ยวข้องกับการที่เฟดพิมพ์เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นและใช้เงินเหล่านั้นเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ การทำ QE มักจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง

การกระชับเชิงปริมาณ (QT) เป็นกระบวนการย้อนกลับของการทำ QE โดยที่ Federal Reserve จะหยุดซื้อพันธบัตรจากสถาบันการเงินและไม่นำเงินต้นไปลงทุนใหม่จากพันธบัตรที่ถืออยู่เพื่อซื้อใหม่ ซึ่งมักจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหาข้างต้นทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการใช้งานแพลตฟอร์มของเรา ไม่ได้ให้คำแนะนำในการซื้อขายและไม่ควรเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจซื้อขายใดๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง