ในขณะที่ตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะปรับตัวและความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยกลับมาเป็นข่าวหลัก นักลงทุนต่างกำลังมองหาที่หลบภัย ปัจจัยจากการคุกคามภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีทรัมป์ ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนของตลาดได้สร้างแรงกดดันให้กับหุ้น
หากประวัติศาสตร์สอนอะไรเรา ก็จะเห็นว่าบริษัทบางแห่งสามารถรับมือกับพายุเศรษฐกิจได้ดีกว่าบริษัทอื่น ๆ โดยเฉพาะในภาคที่มีลักษณะป้องกัน เมื่อเศรษฐกิจถดถอย ภาคสุขภาพคือหนึ่งในภาคที่แข็งแกร่งที่สุด และหนึ่งในบริษัทชั้นนำในภาคสุขภาพคือ Johnson & Johnson (NYSE: JNJ) ซึ่งยังจ่ายเงินปันผลที่น่าประทับใจให้แก่ผู้ถือหุ้น
ยักษ์ใหญ่ในภาคสุขภาพนี้ได้เพิ่มเงินปันผลของตนขึ้นติดต่อกันถึง 62 ปี และมีผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าตลาดในทุกการตกต่ำครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นฟองสบู่ดอทคอมจนถึงวิกฤตการเงินในปี 2008 อีกทั้งหุ้นของ Johnson & Johnson ยังพุ่งขึ้นไปได้ถึง 13.2% จนถึงขณะนี้ในปี 2025 ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.9% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่มั่นคงอยู่ที่ประมาณ 3% และธุรกิจที่ผู้คนพึ่งพาไม่ว่าจะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจใด Johnson & Johnson จึงเป็นหุ้นที่คุณควรมีในพอร์ตของคุณเมื่อความไม่แน่นอนเข้ามา
เมื่อเศรษฐกิจถดถอย ผู้คนมักจะลดการใช้จ่ายในเรื่องการท่องเที่ยว, เครื่องใช้ใหม่ ๆ และการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ยังคงต้องการยา การรักษาทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์สุขภาพในชีวิตประจำวัน นั่นคือเหตุผลที่ Johnson & Johnson กลายเป็นหุ้นจ่ายเงินปันผลที่ถือว่าเป็นที่หลบภัยมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ
ในช่วงวิกฤตการเงินที่เลวร้ายที่สุดในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา คือ วิกฤตการเงินโลก (GFC) ในปี 2008-2009 Johnson & Johnson ไม่เพียงแต่รอดพ้นไปได้ แต่ยังสามารถเพิ่มกำไรในขณะที่บริษัทส่วนใหญ่ต้องพบกับการล่มสลายของผลกำไร อีกทั้งบริษัทยังสามารถทนต่อดัชนีได้ดีกว่า โดยที่ดัชนี S&P 500 ลดลงถึง 57 แต่หุ้นของ Johnson & Johnson ลดลงเพียง 35% พร้อมทั้งยังคงเพิ่มเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง
ความทนทานนี้ช่วยให้ผู้ถือหุ้นสามารถถือหุ้นของบริษัทไว้ในช่วงที่ตลาดล่มสลาย และไม่ใช่เพียงแค่วิกฤตครั้งเดียวเท่านั้น Johnson & Johnson ยังทำผลงานเหนือกว่าตลาดในทุกช่วงวิกฤตใหญ่ รวมถึงฟองสบู่ดอทคอม (2000-2002) ที่ในขณะที่หุ้นเทคโนโลยีล่มสลาย ราคาหุ้นของบริษัทกลับคงที่
ความน่าเชื่อถือและความมั่นคงนี้จึงเป็นเหตุผลที่นักลงทุนระยะยาวต่างให้ความสนใจ เมื่อคุณเลือกลงทุนใน Johnson & Johnson คุณจะได้รับความอุ่นใจในความสามารถของบริษัทที่ผ่านการทดสอบของเวลา
Johnson & Johnson ไม่ใช่แค่หุ้นที่มีลักษณะป้องกัน แต่ยังเป็น “Dividend King” หนึ่งในกลุ่มหุ้นที่หายากที่เพิ่มเงินปันผลขึ้นติดต่อกันอย่างน้อย 50 ปี และบริษัทนี้ทำได้ดีกว่านั้นด้วยการเพิ่มเงินปันผลต่อเนื่องมาแล้วถึง 62 ปี
ด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่มั่นคงอยู่ที่ประมาณ 3% ในขณะนี้ หุ้นของบริษัทให้รายได้ที่คงที่แก่นักลงทุนเพื่อ “รอดพ้น” ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน แม้แต่ในช่วงที่ต้องรอคอย คุณจะได้รับเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นทุกปี
จากอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของ Johnson & Johnson’s (CAGR) เงินปันผลในช่วง 10 ปีที่อยู่ที่ 5.9% ซึ่งสูงกว่าระดับเงินเฟ้อในเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ
ด้วยการเพิ่มเงินปันผลติดต่อกัน 62 ปี จึงชัดเจนว่า ธุรกิจของ Johnson & Johnson นั้นไม่เพียงแต่แข็งแกร่งแต่ยังมีความน่าเชื่อถือ แม้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย
แม้ว่า Johnson & Johnson จะเป็นบริษัทที่มีอายุ 138 ปี แต่ก็ยังไม่หยุดนิ่ง บริษัทกำลังลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีทางการแพทย์และเภสัชกรรม โดยเน้นไปที่ด้านต่าง ๆ ดังนี้
เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทได้ใช้จ่ายกว่า 32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการเข้าซื้อกิจการเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในพื้นที่เหล่านี้ ช่วยให้แน่ใจได้ว่าบริษัทจะยังคงเป็นผู้นำในภาคสุขภาพไปอีกหลายทศวรรษ
ความเสี่ยงที่ควรพิจารณา
แน่นอนว่าไม่มีหุ้นไหนที่ปราศจากความเสี่ยง Johnson & Johnson ก็มีความท้าทายบางประการที่ต้องรับมือ ดังนี้
ถึงแม้จะมีความเสี่ยงเหล่านี้ ธุรกิจที่กระจายความเสี่ยงได้ดี กระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และประวัติการบริหารที่ชาญฉลาดของ Johnson & Johnson ทำให้หุ้นของบริษัทสามารถรับมือกับความผันผวนได้ดีกว่าหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ส่วนใหญ่
ด้วยความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เพิ่มขึ้นและตลาดที่ดูไม่นิ่ง การมีหุ้นจ่ายเงินปันผลที่น่าเชื่อถืออย่าง Johnson & Johnson จะช่วยให้คุณคงความสงบท่ามกลางความวุ่นวาย
หากคุณกำลังมองหาหุ้นจ่ายเงินปันผลที่แข็งแกร่งเพื่อเป็นแกนหลักในพอร์ตของคุณ Johnson & Johnson ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกป้องกันที่ดีที่สุด
ดังนั้น แม้ว่าตลาดโดยรวมอาจประสบกับสถานการณ์ตกต่ำ การถือหุ้นของ Johnson & Johnson จะช่วยให้พอร์ตของคุณมีความมั่นคง เพราะคุณยังได้รับเงินปันผลอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้รอดพ้นช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนนี้