Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐแทบไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงเย็นวันอาทิตย์ หลังจากตลาดวอลล์สตรีทเผชิญกับการลดลงอย่างหนักในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับมาตรการภาษีที่จะมีผลบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้
ผู้เข้าร่วมตลาดยังคงวิเคราะห์ข้อมูลจากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเผยให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในระดับปานกลางควบคู่ไปกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอลง ซึ่งสร้างแนวโน้มที่ไม่แน่นอนสำหรับการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในอนาคต
S&P 500 ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้น 0.1% มาเป็น 5,979.00 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ปรับขึ้น 0.1% แตะระดับ 20,941.25 จุด ณ เวลา 06:34 น. (GMT+7) ส่วน ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 43,897.0 จุด
ในการสัมภาษณ์ล่าสุดกับ Fox News ฮาวเวิร์ด ลัตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่าภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดามีกำหนดการณ์ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2025
แม้ว่ามาตรการเดิมจะกำหนดภาษีไว้ที่ 25% แต่ลัตนิคระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้กำหนดอัตราภาษีที่แน่นอนในวันอังคารนี้
นอกจากนี้ เขายังเสริมว่าทรัมป์เตรียมปรับเพิ่มภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากจีนอีก 10%
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดัชนีหลักปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง โดยมีปัจจัยหลักมาจากความผันผวนที่เกิดจากนโยบายภาษีของทรัมป์ และแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของการคาดการณ์เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ดัชนี NASDAQ คอมโพสิต ลดลง 4% ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ S&P 500 ปรับตัวลดลง 1.5% และ ดาวโจนส์ ลดลง 1.6%
ธนาคารกลางสหรัฐได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวม 100 จุดเมื่อปีที่แล้ว แต่ยังคงมีท่าทีระมัดระวังในเดือนธันวาคม เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงสูง
ข้อมูลเมื่อวันศุกร์ระบุว่า ดัชนีราคา PCE เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับเดือนธันวาคม
เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ตัวเลขเพิ่มขึ้น 2.5% ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากระดับ 2.6% ในเดือนธันวาคม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมกราคม และปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งลดลงจาก 2.9% ในเดือนธันวาคม
แม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มเชิงบวกเล็กน้อย แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับลดลง 0.2% ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบเกือบสองปี
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบยังรวมไปถึง มาตรการภาษีใหม่และเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางแห่งแอตแลนตายังได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตในอัตรา 1.5% ต่อปีในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งชะลอตัวลงจากอัตราการเติบโต 2.3% ในไตรมาสที่สี่ของปี 2024
“เศรษฐกิจเริ่มต้นปี 2025 ด้วยแนวโน้มที่อ่อนแอ โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์เริ่มส่งผลกระทบผ่านการลดลงของความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน ผู้นำเข้าก็กำลังเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้” นักวิเคราะห์จาก ING ระบุในบันทึกล่าสุด
การผสมผสานระหว่างอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง กำลังก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อน