นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยยอมรับว่าเศรษฐกิจของไทยพบกับความท้าทายและอัตราการเติบโตที่ต่ำมาเป็นเวลานาน เขาชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่หลากหลาย เช่น การเงินเฟ้อ ราคาพืชผลเกษตรที่ไม่คุ้มค่า และการลงทุนที่ชะลอตัว จึงมีความจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการเติบโตของ GDP ที่ 3% ภายในปี 2568
ในส่วนของสินค้าเกษตร นายพิชัยระบุว่าการผลิตข้าวและการส่งออกควรถูกบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการลดพื้นที่ปลูกข้าวและส่งเสริมการปลูกพืชที่มีความต้องการในประเทศ เช่น ข้าวโพด รัฐบาลยังมุ่งเน้นให้การส่งออกสินค้าเกษตรมีมูลค่าที่สูงขึ้น และเลือกส่งออกเฉพาะสินค้าที่มีต้นทุนการผลิตที่เหมาะสม
ด้านอุตสาหกรรม รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่แปรเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว แต่จะสนับสนุนการลงทุนใหม่ๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ผ่านการส่งเสริมการลงทุนบีโอไอ ที่สามารถดึงดูดการลงทุนมากกว่า 1.1 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา
นายพิชัยยังกล่าวถึงการใช้ระบบดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยย้ำว่าเงินที่หมุนเวียนผ่านระบบนี้จะไม่เป็นการพิมพ์เงินใหม่ แต่จะเพิ่มสภาพคล่องในตลาดและช่วยให้ผู้ที่มีรายได้ต่ำสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ การจัดการหนี้เสียเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ นายพิชัยระบุว่าจะมีการคัดเลือกและซื้อหนี้เสียบางส่วนเพื่อบรรเทาภาระให้กับลูกหนี้ที่มีปัญหาทางการเงิน พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้