- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพื่อลดภาระหนี้ครัวเรือนและปรับตัวเข้าสู่ศักยภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
- เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตได้ในอัตราใกล้เคียงที่ประเมินไว้ ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่เป้าหมายในช่วงปลายปี 2567
- การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีความแตกต่างในแต่ละภาคส่วน โดยเฉพาะการส่งออกและภาคอุตสาหกรรมที่ยังถูกกดดัน
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ลงมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 2.50% เหลือ 2.25% เพื่อบรรเทาภาระหนี้ครัวเรือนและตอบสนองต่อศักยภาพเศรษฐกิจที่มีในปัจจุบัน นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ กนง. กล่าวว่าการพิจารณานี้สอดคล้องกับการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.7% ในปี 2567 และ 2.9% ในปี 2568 ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการฟื้นตัวที่แตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน เช่น ภาคการส่งออกและอุตสาหกรรมบางกลุ่มที่ยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ในปี 2567 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะต่ำที่ 0.5% และ 1.2% ในปี 2568 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.5% และ 0.9% ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนถึงการแข่งขันด้านราคาสูงจากสินค้านำเข้า
กรรมการบางส่วนเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ เพราะเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังสามารถรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในอนาคตได้ และยังคงรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้ดี ในด้านภาวะการเงิน พบว่าตลาดการเงินมีความตึงตัวขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่แข็งค่าและสินเชื่อที่ชะลอตัวลง คณะกรรมการฯ ยังได้สนับสนุนธนาคารแห่งประเทศไทยในการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้และรักษาเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว