- รัฐบาลไทยย้ำมุ่งมั่นนโยบายที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยึดเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- ไทยสนับสนุนการปฏิรูปสหประชาชาติเพื่อรับมือกับความท้าทายและสถานการณ์ความไม่สงบ โดยเฉพาะในเมียนมา
- ไทยมุ่งบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) และเน้นการปกป้องสิทธิมนุษยชน พร้อมเสนอเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย กล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ (UNGA) ครั้งที่ 79 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ในวันที่ 23 กันยายน 2566 โดยได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการดำเนินนโยบายที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และยึดแนวนโยบายเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
รมว.ต่างประเทศได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิรูปสหประชาชาติเพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในโลกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการเสริมสร้างความเข้มแข็งของกระบวนการเพื่อสันติภาพและความมั่นคง โลกมีความต้องการแนวทางที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคต่าง ๆ ได้อย่างยั่งยืน เช่น สถานการณ์ในเมียนมา ไทยยังคงให้ความสำคัญในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน โดยส่งเสริมให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพในเมียนมาเอง ทั้งนี้ไทยพร้อมสนับสนุนความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) นั้น ประเทศไทยพร้อมสร้างสะพานเชื่อมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างโลกเหนือกับโลกใต้ ผ่านความตั้งใจที่จะเข้าเป็นสมาชิก OECD และ BRICS ซึ่งสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วนและทุกประเทศทั่วโลก เพื่อลดผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงมนุษย์
รมว.ต่างประเทศยังย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน ผ่านการผลักดันความยุติธรรมและความเท่าเทียมในสังคม โดยกล่าวถึงการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) วาระปี 2568-2570 ของไทยด้วย นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการสร้างอนาคตร่วมกันของโลก โดยทุกคนควรได้รับการปกป้องและมีความเจริญรุ่งเรืองผ่านความมุ่งมั่นทางการเมือง เพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ของโลกไปด้วยกัน
ในระหว่างการประชุม UNGA ครั้งที่ 79 นายมาริษยังได้พบปะผู้แทนสมาคมไทย ภาคธุรกิจ และภาคสื่อมวลชนไทยที่อาศัยอยู่ในนครนิวยอร์ก โดยได้เน้นถึงความสำคัญของการต่างประเทศที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และชื่นชมชุมชนไทยที่มีความเข้มแข็งและมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในภารกิจของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ พร้อมรับฟังข้อคิดเห็นและประเด็นห่วงกังวลเพื่อหาแนวทางความร่วมมือและการให้สนับสนุนต่อไป