ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีที่ได้รับผลกระทบหนักจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
แน่นอนว่าการประกาศเก็บภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อาจพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 3.1% ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ซึ่งมีหุ้นเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ ลดลง 3.5% แม้ว่ารายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์จะแสดงให้เห็นว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ แต่นักลงทุนก็ยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มตลาด
ความกังวลในตอนนี้คือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้มากน้อยเพียงใดในปีนี้ ท่ามกลางความเสี่ยงที่เงินเฟ้ออาจพุ่งสูงขึ้นจากการประกาศภาษีศุลกากรเหล่านี้
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตาในสัปดาห์นี้คือ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจะเผยแพร่ในวันพุธที่ 12 มีนาคม ก่อนตลาดเปิด และอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดในช่วงครึ่งหลังของสัปดาห์
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น CPI เป็นตัวชี้วัดราคาสินค้าและบริการที่หลากหลายในเศรษฐกิจสหรัฐฯ
สำหรับบริบทของข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ล่าสุด รายงานเดือนมกราคม 2025 ระบุว่า ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานซึ่งมีความผันผวนสูง ดัชนี “Core CPI” ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ต่อเดือน และมีอัตราเงินเฟ้อรายปีที่ 3.3% นักวิเคราะห์ต่างจับตาว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงเป็นขาขึ้น หรือเริ่มเข้าสู่ช่วงกลับตัวลดลง
สำหรับตัวเลขคาดการณ์ CPI เดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี ส่วน Core CPI คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.2% ซึ่งทั้งสองตัวยังคงสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของ Fed ที่ 2%
เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูงราว 3%
ที่มา: สำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics), Bloomberg
ข่าวดีคือ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญ แสดงให้เห็นว่าในเดือนมกราคม 2025 ตัวเลขเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 2.5% ต่อปี
ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากอัตรา 2.6% ในเดือนธันวาคม 2024 อย่างไรก็ตาม รายงาน CPI ที่จะเผยแพร่ในวันพุธนี้จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ชี้นำแนวโน้มของ PCE Index ซึ่งจะประกาศในช่วงสิ้นเดือน
ก่อนการเปิดเผยข้อมูลนี้ นักลงทุนควรจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 18-19 มีนาคม แม้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม แต่รายงาน CPI ในวันพุธจะเป็นข้อมูลสำคัญชุดสุดท้ายก่อนที่คณะกรรมการจะประชุมในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ตัวเลขดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของสมาชิก Fed ขณะที่พวกเขาวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจว่าเมื่อใดจึงจะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ นักลงทุนสามารถคาดการณ์ได้ว่า Fed จะนำข้อมูล CPI ไปพิจารณาประกอบถ้อยแถลงในการแถลงข่าวหลังการประชุม FOMC
สำหรับนักลงทุน แนวโน้มตลาดในขณะนี้ยังคงเป็นขาลง และดัชนี S&P 500 รวมถึง Nasdaq Composite อาจปรับตัวลดลงได้อีก หากตัวเลข CPI ในวันพุธออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตลาดกำลังอยู่ในภาวะที่แม้แต่ข่าวร้ายเพียงเล็กน้อยก็อาจกระตุ้นแรงขาย นักลงทุนจึงควรตระหนักถึงจิตวิทยาตลาดที่เป็นปัจจัยสำคัญในขณะนี้