- นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้ว่าการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้หมายความว่าธปท.ต้องลดดอกเบี้ยตาม
- การตัดสินใจนโยบายการเงินของไทยอยู่บนพื้นฐานปัจจัยภายในประเทศ รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพด้านการเงิน
- การลดดอกเบี้ยมีผลกระทบไม่เพียงพอในการลดภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง การปรับโครงสร้างหนี้อาจมีประสิทธิผลมากกว่า
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% ว่า การตัดสินใจดังกล่าวไม่จำเป็นต้องส่งผลให้ธปท.ลดดอกเบี้ยตาม เนื่องจากประเทศไทยไม่มีการตรึงค่าเงินกับดอลลาร์เช่นเดียวกับฮ่องกงหรือบางประเทศในตะวันออกกลาง
ธปท. ยังคงมุ่งเน้นนโยบายการเงินจากปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย แนวโน้มเศรษฐกิจว่าจะเติบโตได้ถึงศักยภาพหรือไม่ อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในกรอบเป้าหมายหรือไม่ และเสถียรภาพด้านการเงิน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจจะต้องพิจารณาภาพรวมจากปัจจัยภายนอกด้วย โดยเฉพาะนโยบายการเงินจากธนาคารกลางรายใหญ่ของโลกที่มีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
นายเศรษฐพุฒิ ระบุว่า การตัดสินใจจากปัจจัยสามประการดังกล่าวในปัจจุบัน ยังไม่ทำให้การประเมินเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปจากที่ธปท.เคยประเมินไว้ โดยเน้นการตัดสินใจแบบ Outlook Dependent ซึ่งเป็นกรอบที่เหมาะสมและถูกต้อง
“การเน้นข้อมูลล่าสุดเพียงอย่างเดียวอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาด เราจึงมุ่งเน้นการตัดสินใจบนพื้นฐานการคาดการณ์อนาคต (Outlook Dependent) แต่หากการคาดการณ์เปลี่ยนแปลง เราก็พร้อมปรับนโยบายดอกเบี้ย” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
การลดดอกเบี้ยยังต้องพิจารณาว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ โดยต้องน้ำหนักระหว่างภาระหนี้เดิมกับสินเชื่อใหม่ที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังชี้ว่า ผลจากการลดดอกเบี้ยอาจไม่ได้ช่วยลดภาระหนี้กลุ่มเปราะบางได้เต็มที่เท่ากับการปรับโครงสร้างหนี้
“ดอกเบี้ยเป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่ใช้ประกอบกัน (Policy Mix) การลดภาระหนี้กลุ่มเปราะบางอาจได้ผลดีกว่าผ่านการปรับโครงสร้างหนี้มากกว่าการลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการที่ธปท.ดำเนินการ การใช้เครื่องมือทางการเงินอย่างเหมาะสมและเฉพาะจุดเป็นวิธีที่ดีที่สุด” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
การปรับลดดอกเบี้ยเพียงแค่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการเงินแบบผสมผสาน ยังต้องพิจารณาและใช้อุปกรณ์อื่นๆร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อเศรษฐกิจในภาพรวม