- สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.71 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากคาดการณ์พายุเฮอร์ริเคนถล่มรัฐลุยเซียนา
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ ปิดที่ 71.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักลงทุนจับตาดัชนี CPI และ PPI ของสหรัฐฯ ก่อนการประชุมเฟดวันที่ 17-18 ก.ย.
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ในตลาดนิวยอร์กปรับตัวขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (9 ก.ย.) สาเหตุหลักมาจากการคาดการณ์ว่าพายุเฮอร์ริเคนจะพัดถล่มรัฐลุยเซียนาของสหรัฐฯ ในวันพุธที่จะถึงนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและการกลั่นน้ำมันในเขตกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐฯ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.54% ปิดที่ 68.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.10% ปิดที่ 71.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รายงานระบุว่าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซในเขตกัลฟ์โคสต์เริ่มอพยพพนักงานและลดการขุดเจาะน้ำมันเพื่อเตรียมรับมือกับพายุโซนร้อน ฟรานซีน (Francine) ที่กำลังจะกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนในวันนี้ (10 ก.ย.) ซึ่งจะพัดถล่มชายฝั่งรัฐลุยเซียนา โดยเขตกัลฟ์โคสต์มีการผลิตน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 50% ของกำลังการกลั่นน้ำมันภายในประเทศ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยเฉพาะลิเบีย ซึ่งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (National Oil Corp) ได้ประกาศภาวะสุดวิสัยสำหรับการขนส่งน้ำมันดิบหลายเที่ยวจากท่าเรือเอส ซิเดอร์ (Es Sider) เนื่องจากการผลิตน้ำมันเป็นไปอย่างจำกัด อันเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ
ภาวะสุดวิสัยนี้เป็นข้อตกลงที่ช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถพ้นจากข้อบังคับทางกฎหมายเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ข้อพิพาทด้านแรงงาน การประท้วง การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนสิงหาคมในวันพฤหัสบดี เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อ ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 กันยายนนี้ นักลงทุนคาดหมายว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจและเพิ่มอุปสงค์น้ำมัน