- ราคาทองคำในตลาดนิวยอร์กปิดที่ระดับสูงสุดตลอดกาล เนื่องจากแรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง
- สินค้าโลหะอื่นๆ เช่น โลหะเงิน พลาตินัม และพัลลาเดียม ก็มีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
- ผลสำรวจชี้ว่าคามาลา แฮร์ริส มีคะแนนนำในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงส่งผลต่อราคาทองคำ
สัญญาทองคำในตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคารที่ 22 ตุลาคม โดยราคาทองคำแตะระดับสูงสุดตลอดกาลจากแรงหนุนหลายปัจจัย ทั้งความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งสหรัฐ และสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ การคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังช่วยเพิ่มแรงหนุนให้กับราคาทองคำ
สัญญาทองคำในตลาด COMEX สำหรับส่งมอบเดือนธันวาคม ปิดเพิ่มขึ้น 20.90 ดอลลาร์ หรือ 0.76% อยู่ที่ 2,759.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่สัญญาโลหะเงิน ปลาตินัม และพัลลาเดียมต่างก็มีราคาปรับตัวขึ้นตามมา โดยสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 96.30 เซนต์ หรือ 2.83% ปิดที่ 35.041 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำยังคงทำลายสถิติราคาสูงสุดหลายครั้งในปีนี้ โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นมากกว่า 33% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่ำทำให้การถือครองทองคำมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสส์ระบุว่า คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีคะแนนนำในการเลือกตั้งด้วยคะแนน 46% เมื่อเปรียบเทียบกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้รับ 43%
ทางด้านปัจจัยทางเทคนิค ดัชนี Relative Strength Index (RSI) ของสัญญาทองคำอยู่ที่ 74 ซึ่งบ่งบอกว่าราคาทองคำกำลังอยู่ในภาวะที่มีแรงซื้อมากเกินไป (overbought)