- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางเงินเฟ้อและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
- สัญญาทองคำตลาด COMEX เพิ่มขึ้น 10.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,543.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่สัญญาโลหะเงินและพลาตินัมปรับตัวลง
- นักลงทุนยังเฝ้าดูการดีเบตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะมีผลกระทบต่อตลาด
สัญญาทองคำในตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันอังคาร (10 ก.ย.) โดยนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางเงินเฟ้อและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ 2,543.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำเคลื่อนตัวในกรอบแคบ ขณะที่นักลงทุนจับตา 2 เหตุการณ์สำคัญที่คาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนตลาด ได้แก่ การเปิดเผยดัชนี CPI และการดีเบตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยดัชนี CPI ในวันนี้ (11 ก.ย.) นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนสิงหาคม เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนกรกฎาคม และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนสิงหาคม เทียบรายปี
นักลงทุนจับตาดัชนี CPI เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 67% ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 กันยายน และให้น้ำหนัก 33% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
ในขณะเดียวกัน นักลงทุนติดตามการประชันวิสัยทัศน์ หรือดีเบต ระหว่างคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ คู่ชิงจากพรรครีพับลิกัน ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย ซึ่งคาดว่าจะมีผลกระทบต่อตลาด
ทั้งนี้ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 3.7 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 28.614 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 2.60 ดอลลาร์ หรือ 0.27% ปิดที่ 944.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 17.80 ดอลลาร์ หรือ 1.90% ปิดที่ 956.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์