TradingKey - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สองในวันที่ 23 เมษายน โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่สหรัฐฯ และจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้สำเร็จ นอกจากนี้ การประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยืนยันว่าจะไม่ปลดเจอโรม พาวเวลจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,606.57 จุด เพิ่มขึ้น 419.59 จุด (+1.07%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,375.86 จุด เพิ่มขึ้น 88.10 จุด (+1.67%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,708.05 จุด เพิ่มขึ้น 407.63 จุด (+2.50%) การส่งสัญญาณจากประธานาธิบดีทรัมป์ถึงความพร้อมในการคลี่คลายข้อพิพาทการค้ากับจีน ช่วยให้ตลาดได้รับแรงหนุน โดยทรัมป์กล่าวว่าภาษีศุลกากรกับสินค้าจีนอาจปรับลดลงจากอัตราเดิมที่สูงถึง 145%
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความเชื่อมั่นว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะสามารถคลี่คลายได้ในไม่ช้า และมีโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่
ตลาดหุ้นยังได้แรงผลักดันจากการยืนยันของประธานาธิบดีทรัมป์ว่าจะไม่ปลดเจอโรม พาวเวลจากตำแหน่งประธานเฟด ซึ่งจะช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้น 2.92% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่พุ่งขึ้น 2.76% ขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและพลังงานปรับตัวลง หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 6.1% จากรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด และหุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 5.3% หลังจากซีอีโอ อีลอน มัสก์ประกาศลดการทำงานร่วมกับรัฐบาลทรัมป์
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่าบริษัทในดัชนี S&P500 ที่รายงานผลประกอบการแล้ว 110 แห่ง มี 75% ที่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ เดือนเมษายนลดลงสู่ระดับ 51.2 ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 แสดงถึงการขยายตัวของธุรกิจ ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 7.4% สู่ระดับ 724,000 ยูนิตในเดือนมีนาคม สูงสุดในรอบเกือบสามปี