Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐปรับตัวขึ้นในช่วงเย็นวันพุธ โดยเป็นไปตามแนวโน้มเชิงบวกของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังจากธนาคารกลางสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมและยังคงคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดัชนีตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงการซื้อขายวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนหลักจากแรงซื้อเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนียังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหกเดือน หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์หลักจากแนวโน้มนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดวอลล์สตรีทจะปรับตัวขึ้น แต่บรรดานักลงทุนก็ยังคงระมัดระวังต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ เฟดยังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2025 จะสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
ดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.3% มาอยู่ที่ 5,745.0 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ปรับตัวขึ้น 0.4% เป็น 20,020.0 จุด และ ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.2% มาอยู่ที่ 42,399.0 จุด ณ เวลา 06:43 น. (GMT+7)
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25% ถึง 4.5% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน
ธนาคารกลางยังคงมีมุมมองที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงสู่ระดับ 3.75% ถึง 4% ในปี 2025 ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งภายในเดือนธันวาคม
อย่างไรก็ตาม เฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2025 โดย ดัชนี Core PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ คาดว่าจะอยู่ที่ 2.8% ในปี 2025 เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 2.5% และยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมายเงินเฟ้อประจำปีที่ 2% ของเฟด
นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์ GDP สำหรับปีนี้ พร้อมทั้งเตือนถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของนโยบายของทรัมป์ต่อเศรษฐกิจ
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบของนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ที่มีต่อเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโดยรวม แต่จากเป้าหมายเงินเฟ้อและ GDP ของเฟด บ่งชี้ว่าผลกระทบดังกล่าวอาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
ขณะที่ทรัมป์ยังคงยืนยันแผนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งอาจนำไปสู่การตอบโต้จากประเทศเศรษฐกิจหลักทั่วโลกและกระตุ้นให้เกิดสงครามการค้าอีกครั้ง
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพุธหลังจากการตัดสินใจของเฟด โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้อเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง หลังจากราคาหุ้นปรับตัวลงแรงในปีนี้
ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.1% ปิดที่ 5,675.30 จุด ขณะที่ดัชนี NASDAQ คอมโพสิต ปรับตัวขึ้น 1.4% ปิดที่ 17,750.79 จุด และดัชนี ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 0.9% ปิดที่ 41,964.63 จุด
อย่างไรก็ตาม ดัชนีทั้งสามยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหกเดือน เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์และความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดแรงขายอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ข้อมูลเกี่ยวกับ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ที่จะเผยแพร่ในวันนี้ คาดว่าจะให้สัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เฟดใช้พิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนก็มีกำหนดการณ์ขึ้นกล่าวคำแถลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งอาจให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ