Investing.com - ดัชนีฟิวเจอร์สของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงเย็นวันพุธ หลังวอลล์สตรีทฟื้นตัวเล็กน้อยจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นก็ยังคงถูกจำกัดเนื่องจากนักลงทุนยังคงประเมินความเสี่ยงจากการขู่เรียกเก็บภาษีใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
S&P 500 ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้น 0.3% มาเป็น 5,622.0 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.4% แตะ 19,687.0 จุด ณ เวลา 07:53 น. (GMT+7) ส่วน ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้น 0.2% มาอยู่ที่ 41,484.0 จุด
รายงานดัชนี CPI ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งลดลงเล็กน้อยจาก 3% ในเดือนมกราคม และต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.9%
ทางด้าน Core CPI ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน เพิ่มขึ้น 3.1% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2021
ในการซื้อขายปกติของวันพุธ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.5% ขณะที่ NASDAQ คอมโพสิต พุ่งขึ้น 1.2% ส่วน ดาวโจนส์ ลดลง 0.2%
ทั้งสามดัชนีร่วงลงอย่างหนักในสองวันแรกของสัปดาห์นี้และแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน
NVIDIA (NASDAQ:NVDA) พุ่งขึ้น 6.4% ในวันพุธ ขณะที่ Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) ปิดบวก 7.6%
นักวิเคราะห์เตือนว่าภาษีของทรัมป์ที่กำลังจะมานั้น อาจลดทอนผลดีจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นอาจกดดันอุปสงค์
ในขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ยังคงมีอยู่ในเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนมกราคมลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสองปี สะท้อนถึงแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแอ
"ความไม่แน่นอนด้านภาษีและราคาที่เพิ่มขึ้น อาจกดดันกำลังซื้อและทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ส่งผลให้การใช้จ่ายชะลอตัวลง" นักวิเคราะห์ของ ING ระบุในบันทึก
"แต่ในขณะนี้ เศรษฐกิจกำลังขยายตัวและยังคงสร้างงาน ดังนั้นด้วยความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อจะสูงขึ้น เราจึงไม่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนเดือนกันยายน" พวกเขากล่าวเสริม
ปัจจุบัน ตลาดได้กำหนดราคาโดยคาดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ตามข้อมูลจาก เครื่องมือ Fedwatch
เมื่อวันพุธ ทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษี 25% สำหรับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการผลิตภายในประเทศและปกป้องการจ้างงานของชาวอเมริกัน
ในขณะที่สหภาพยุโรป (EU) ก็ประกาศแผนเก็บภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 28,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลในเดือนเมษายน โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าสำคัญของอเมริกา
ประธานาธิบดีทรัมป์จึงตอบโต้ในทันที โดยขู่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม หาก EU เดินหน้ามาตรการตอบโต้
สถานการณ์นี้ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับพันธมิตรอื่น ๆ เช่น แคนาดา ซึ่งได้เรียกเก็บภาษีตอบโต้กับสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์เหล็กและอะลูมิเนียม
ขณะที่ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าทั่วโลกก็ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ราคาสินค้าผู้บริโภคที่สูงขึ้นและการสูญเสียงาน