Investing.com - หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในช่วงต้นเดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการปิดบวกของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่หุ้นจีนปรับตัวขึ้นจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง
นักลงทุนยังคงจับตาการตัดสินใจเกี่ยวกับภาษีการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอัตราภาษีกลับบ่งชี้ถึงโอกาสที่มาตรการอาจไม่รุนแรงเท่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนีหลักของสหรัฐฯ ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อ PCE ออกมาตามคาดการณ์
หุ้นเอเชียร่วงลงอย่างหนักในเซสชั่นก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลดลงตามแรงขายของหุ้น Nvidia ในตลาดวอลล์สตรีท
นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนก็ยังได้รับผลกระทบเชิงลบ หลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% กับจีน พร้อมยืนยันแผนเก็บภาษี 25% กับเม็กซิโกและแคนาดา
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์ ฮาวเวิร์ด ลัตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่าทรัมป์จะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องอัตราภาษีในวันอังคาร ซึ่งบ่งชี้ว่ามีโอกาสที่ภาษีอาจไม่รุนแรงอย่างที่คาดการณ์ไว้
ข่าวดังกล่าวได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นเอเชีย หลังจากที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในเดือนกุมภาพันธ์
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1.4% ในวันนี้ หลังจากที่ร่วงลงกว่า 3% ในวันศุกร์ ขณะที่ TOPIX เพิ่มขึ้น 1.2%
ดัชนี ฮั่งเส็ง ของฮ่องกงพุ่งขึ้น 1.8% หลังลดลง 3.2% เมื่อวันศุกร์
ดัชนี IDX คอมโพสิต ของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 2.2% ขณะที่ PSEi คอมโพสิต ของฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น 1.1%
ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.6%
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องในวันหยุดราชการ
ฟิวเจอร์ส ของดัชนี Nifty 50 บ่งชี้ถึงการเปิดตลาดในแดนบวกเล็กน้อย
ดัชนี เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต เพิ่มขึ้น 0.7% ด้านดัชนี CSI 300 เพิ่มขึ้น 0.8%
ข้อมูลในช่วงสุดสัปดาห์ระบุว่า ภาคการผลิตของจีนขยายตัวเกินคาดในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากธุรกิจในประเทศยังคงได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาในปีที่แล้ว
ผลสำรวจจากภาคเอกชนที่เผยแพร่ในวันนี้ก็สะท้อนแนวโน้มเดียวกัน โดย ดัชนี PMI ภาคการผลิตของ Caixin แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนในเดือนกุมภาพันธ์
การประชุม "สองสภา" (Two Sessions) ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีของจีนจะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยนักลงทุนจะต้องจับตาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น
การประชุมดังกล่าวจะประกอบไปด้วย สภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) และ สภาที่ปรึกษาทางการเมืองของประชาชนจีน (CPPCC) ซึ่งเป็นหนึ่งในการประชุมทางการเมืองที่สำคัญที่สุดของปี และมีผลต่อการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ สังคม และกฎหมายของจีน
ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ และปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงดำเนินอยู่ ตลาดคาดหวังว่าทางการจีนจะเปิดเผยมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์จาก ING ระบุในบันทึกล่าสุดว่า "เราคาดการณ์ว่าจีนจะยังคงเป้าหมาย GDP ที่ 'ประมาณ 5.0%' เช่นเดียวกับปี 2024 ขณะเดียวกันก็คาดหวังรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางด้านการคลังและนโยบายการเงินที่ทุกคนรอคอย"