- นักลงทุนต่างชาติน่าจะลดการลงทุนในไทยในปี 68 คาดว่ายังมีการไหลออกอีก เนื่องจากผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ดูไม่ดีนัก
- ตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะเติบโตในครึ่งปีหลังด้วยแรงส่งจากการลงทุนภาครัฐที่สูงเกือบ 2 ล้านล้านบาท
- ตลาดหุ้นไทยในไตรมาสแรกของปี 68 อาจไม่ดีมากนัก แต่เป็นช่วงเวลาในการเก็บสะสมหุ้นก่อนการเติบโตในครึ่งปีหลัง
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เผยถึงแนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในปี 2568 ว่าอาจมีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง เหตุเนื่องจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ยังไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่ควร ซึ่งสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาตินั้นลดลงมาอยู่ที่ระดับน้อยกว่า 30% ในปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน การยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศหลัก ๆ จะส่งผลกลับในการดึงสภาพคล่องออกจากตลาด นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังล่าช้าเมื่อเทียบกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ช่องว่างดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐกว้างขึ้น จึงอาจส่งผลให้ Fund Flow ไหลออกได้ นายเบญจพลแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเฉพาะในกลุ่มการท่องเที่ยวและการลงทุนภาครัฐ
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเองนั้น คาดว่าจะเติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง โดยได้รับแรงผลักดันจากการลงทุนภาครัฐ ซึ่งในปี 2567 ที่ผ่านมา มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปเพียงครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือคาดว่าจะถูกใช้ในปีนี้ ทำให้การลงทุนภาครัฐอาจสูงเกือบ 2 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าผลลัพธ์จากการใช้งบประมาณจะเริ่มเห็นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากโครงการหลาย ๆ โครงการต้องใช้เวลาในการอนุมัติ
ในช่วงปลายปี 2567 ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก อันเกิดจากปัจจัยเสี่ยงมหภาคและการขาดปัจจัยขับเคลื่อนในหุ้นกลุ่มใหญ่ โดยในไตรมาสแรกของปี 2568 ตลาดหุ้นอาจยังไม่ดีนัก แต่ถือเป็นโอกาสในการเก็บสะสมหุ้นก่อนที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง