Investing.com - หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยหุ้นในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ทำกำไรสูงสุดจากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่หุ้นจีนปรับลดลงจากข้อจำกัดการส่งออกใหม่ของสหรัฐ
ดัชนี NASDAQ คอมโพสิต และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ หลังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เนื่องจากความคาดหวังเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังคงแข็งแกร่ง
หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐทรงตัวในตลาดเอเชีย ขณะที่นักลงทุนต่างเตรียมตัวรอฟังคำแถลงการณ์จากประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ และข้อมูลเศรษฐกิจชุดสำคัญที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มของธนาคารกลางเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
แรงหนุนในกลุ่มเทคโนโลยีนั้นเกิดจากการที่นักลงทุนปรับสถานะหลังจากสหรัฐออกข้อจำกัดการส่งออกใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่บริษัทจีนกว่า 140 แห่ง ซึ่งมีเป้าหมายในการลดการเข้าถึงชิปและอุปกรณ์ขั้นสูงที่จำเป็นสำหรับ AI โดยข้อจำกัดนี้คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เล่นในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 1.6% และ TOPIX เพิ่มขึ้น 1.3% โดยกลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญ หุ้น Tokyo Electron Ltd (TYO:8035) เพิ่มขึ้นกว่า 4% ขณะที่ Advantest Corp. (TYO:6857) และ SoftBank Group Corp. (TYO:9984) เพิ่มขึ้นมากกว่า 3%
นักวิเคราะห์จาก Bernstein ระบุว่าบริษัทชิปของญี่ปุ่นมีโอกาสได้รับผลประโยชน์จากข้อจำกัดที่สร้างความเสียหายต่อคู่แข่งในจีน
ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 1.6% โดยหุ้นขนาดใหญ่อย่าง Samsung Electronics Co Ltd (KS:005930) และ SK Hynix Inc (KS:000660) เพิ่มขึ้น 1% และ 1.5% ตามลำดับ
ดัชนี IDX คอมโพสิต ของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 1.4%
ในที่อื่น ดัชนี SET ของไทยเพิ่มขึ้น 0.8% ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.7% ขณะที่ดัชนี Nifty 50 ฟิวเจอร์ส ของอินเดียมีแนวโน้มเปิดตลาดแบบทรงตัว
สวนทางกับแนวโน้มในภูมิภาค ดัชนี CSI 300 ลดลง 0.3% และดัชนี เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ขยับลงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี ฮั่งเส็ง ของฮ่องกงลดลง 0.4%
รายงานระบุว่าข้อจำกัดล่าสุดของสหรัฐฯ ได้แก่ การห้ามส่งออกอุปกรณ์ชิปของบริษัทจีน เช่น NAURA Technology Group Co Ltd (SZ:002371) และ Piotech Inc (SS:688072) ซึ่งหุ้นทั้งสองลดลงกว่า 4%
สหรัฐยังมีแผนเพิ่มข้อจำกัดต่อ Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) (HK:0981) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในรายชื่อหน่วยงานของสหรัฐอยู่แล้ว โดยหุ้นของ SMIC ที่จดทะเบียนในฮ่องกงลดลง 2.3%
ตลาดกำลังจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศว่าจะเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติม นอกจากนี้ ทรัมป์ยังขู่จะคว่ำบาตรกลุ่มประเทศ BRICS ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา