Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในช่วงเย็นวันจันทร์ หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีผลักดันให้วอลล์สตรีทปรับตัวในทิศทางบวก โดยนักลงทุนกำลังหันไปให้ความสนใจกับสัญญาณสำคัญเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่จะประกาศในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยให้ตลาดสามารถรับมือกับความเสี่ยงจากคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าจะเพิ่มอัตราภาษีที่สูงขึ้นต่อกลุ่มประเทศ BRICS
ขณะเดียวกัน ความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐก็ยังคงทยอยเปิดเผยออกมา โดยนักลงทุนยังคงเดิมพันว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในเดือนธันวาคม แต่ข้อมูลที่จะประกาศในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจในอนาคต
S&P 500 ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 6,063.0 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ขยับลง 0.1% เป็น 21,206.75 จุด และ ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ขยับลง 0.1% มาเป็น 44,881.0 จุด
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะต้องให้ความสนใจกับการกล่าวคำปราศรัยจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคน โดยเฉพาะ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดเพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับแผนการของธนาคารกลางเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
แม้ตลาดจะยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม แต่แนวโน้มในระยะยาวยังคงไม่แน่นอน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากนโยบายกระตุ้นเงินเฟ้อภายใต้รัฐบาลของทรัมป์
จุดยืนเกี่ยวกับการกีดกันทางการค้าและลักลอบเข้าเมืองของทรัมป์คาดว่าจะช่วยสนับสนุนเงินเฟ้อในระดับหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูงในระยะยาว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องจับตาข้อมูลสำคัญอย่างรายงาน การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ของเดือนพฤศจิกายนในวันศุกร์นี้ โดยความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานคาดว่าจะทำให้เฟดไม่เร่งลดอัตราดอกเบี้ยมากเกินไป
เมื่อวันจันทร์ Christopher Waller ผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า แม้เขามีแนวโน้มจะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในเดือนธันวาคม แต่ข้อมูลที่จะประกาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้านั้นก็จะมีผลต่อการตัดสินใจของเฟด
ในกลุ่มหุ้นที่เคลื่อนไหวหลังตลาดปิด หุ้นของ Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) ร่วงลงกว่า 1% หลังศาลเดลาแวร์ยืนยันคำตัดสินให้ยกเลิกแพ็คเกจค่าตอบแทนมูลค่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ของอีลอน มัสก์
คำตัดสินนี้เกิดขึ้นแม้ผู้ถือหุ้น Tesla จะลงมติให้คืนสถานะแพ็คเกจดังกล่าว โดยศาลเห็นว่าค่าตอบแทนดังกล่าวมีมูลค่ามากเกินไปและได้มีการตัดสินยกเลิกไปตั้งแต่เดือนมกราคม
อย่างไรก็ตาม หุ้น Tesla ยังคงอยู่ใกล้กับระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2022 เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของอีลอนในวอชิงตัน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ช่วยผลักดันดัชนีในวอลล์สตรีทเมื่อวันจันทร์ แม้ว่าดาวโจนส์จะลดลงจากจุดสูงสุดล่าสุด เนื่องจากความอ่อนแอของหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ
ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.2% แตะ 6,047.15 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ NASDAQ คอมโพสิต พุ่งขึ้นเกือบ 1% แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 19,403.58 จุด ด้าน ดาวโจนส์ ลดลง 0.3% มาอยู่ที่ 44,782.0 จุด
หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนวอลล์สตรีท โดยหุ้นกลุ่ม "Magnificent Seven" เพิ่มขึ้นระหว่าง 1.3% ถึง 3.5%