ราคาทองคำร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังทรัมป์ถอยท่าทีสร้างความโล่งใจให้ตลาด

Investing.com — ราคาทองคําปรับตัวลดลงในการซื้อขายของเอเชียเมื่อวันพุธ โดยลดลงต่อเนื่องจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการลดภาษีนําเข้าสินค้าจากจีน พร้อมทั้งถอยจากการวิพากษ์วิจารณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ

ทองคําบันทึกการขาดทุนอย่างหนักในช่วงกลางคืนเมื่อวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนถอนตัวจากสินทรัพย์ปลอดภัยและหันไปลงทุนในตลาดหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น หลังจากความเห็นของทรัมป์ การฟื้นตัวเล็กน้อยของดอลลาร์ยังกดดันราคาทองคําอีกด้วย

ราคาทองคําในตลาดสปอตลดลง 1% มาอยู่ที่ $3,347.54 ต่อออนซ์ ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคําที่จะหมดอายุในเดือนมิถุนายนลดลง 1.8% มาอยู่ที่ $3,356.99 ต่อออนซ์ ณ เวลา 12:22 น. ตามเวลาประเทศไทย ราคาในตลาดสปอตยังคงอยู่ใกล้จุดสูงสุดที่ $3,500.33 ต่อออนซ์ ซึ่งทําได้เมื่อวันอังคาร

ราคาโลหะส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนเพียงเล็กน้อยจากความรู้สึกเสี่ยงที่ดีขึ้น ในขณะที่การขาดทุนที่มากขึ้นในทองคํายังคงถูกจํากัดโดยความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่เกี่ยวกับนโยบายของทรัมป์

ทองคําร่วงจากจุดสูงสุดหลังทรัมป์พูดถึงการลดภาษีจีน

ความอยากเสี่ยงปรับตัวดีขึ้นเมื่อวันอังคารหลังจากทรัมป์กล่าวว่าเขาเห็นความเป็นไปได้ในการลดภาษีนําเข้าสินค้าจากจีนในที่สุด แม้ว่าส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับการที่จีนจะเข้าร่วมโต๊ะเจรจาก็ตาม

ความเห็นของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากรายงานระบุว่ารัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนท์ มองว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ดําเนินอยู่นั้น "ไม่ยั่งยืน" และคาดว่าจะมีการลดความตึงเครียดในไม่ช้า

ทรัมป์เรียกเก็บภาษีนําเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 145% ซึ่งทําให้ปักกิ่งตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีในอัตรา 125% แม้ว่าความเห็นของทรัมป์จะสร้างความหวังบางประการเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าในที่สุดระหว่างเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก แต่จีนก็ยังไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะถอยจากการเผชิญหน้าทางการค้า

ทรัมป์ยังถอยจากการวิจารณ์ล่าสุดของเขาต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยระบุว่าเขาไม่ได้วางแผนที่จะปลดประธาน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานาธิบดีได้วิพากษ์วิจารณ์พาวเวลล์อย่างยาวนานบนโซเชียลมีเดีย เรียกร้องให้เขาลดอัตราดอกเบี้ยหรือเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ

ความรู้สึกปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากความเห็นของทรัมป์เมื่อวันอังคาร ทําให้ทองคําสูญเสียความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตของมันในปี 2025

โลหะมีค่าอื่นๆ มีการเคลื่อนไหวแบบผสม สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแพลทินัมเพิ่มขึ้น 0.7% มาอยู่ที่ $961.70 ต่อออนซ์ ในขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเงินลดลง 0.6% มาอยู่ที่ $32.720 ต่อออนซ์

ในกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม ราคาทองแดงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความหวังในการปรับปรุงสภาวะเศรษฐกิจในจีนซึ่งเป็นผู้นําเข้ารายใหญ่ที่สุด แม้ว่าสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบ

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองแดงมาตรฐานในตลาดโลหะลอนดอนเพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ $9,424.20 ต่อตัน ในขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองแดงของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.1% มาอยู่ที่ $4.9020 ต่อปอนด์

ทองคําจะแตะ $4,000 ต่อออนซ์ภายในไตรมาส 2 ปี 2026 เจพี มอร์แกนกล่าว

เจพี มอร์แกนคาดการณ์ว่าทองคําจะทะลุ $4,000 ต่อออนซ์ภายในกลางปี 2026 โดยอ้างถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยท่ามกลางภาษีนําเข้าของสหรัฐฯ สงครามการค้า และความต้องการอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกลาง

การคาดการณ์ของเจพีเอ็มเกิดขึ้นในขณะที่ทองคําในตลาดสปอตแตะระดับ $3,500 ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความต้องการทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงแข็งแกร่ง การลดลงล่าสุดของดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังแสดงให้เห็นว่าตลาดส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเลือกทองคําเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

แต่ในทางกลับกัน เจพีเอ็มเตือนว่ากรณีที่เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับทองคําคือการลดลงอย่างไม่คาดคิดของความต้องการจากธนาคารกลาง ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอาจบั่นทอนความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกด้วย

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน