ในขณะที่โลกและไทยกำลังเผชิญกับการสั่นสะเทือนเศรษฐกิจจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่ประกาศโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การต่อสู้ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนยังคงดุเดือด ซึ่งส่งผลให้คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ชะลอตัวลงจาก 3.2% เหลือ 2.8% แม้ว่าการใช้มาตรการจะถูกเลื่อนออกไป 90 วัน
นายพงศ์นคร โภชากรณ์ จากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า นโยบายภาษีของทรัมป์เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลกและไทย โดยเฉพาะประเทศไทยที่พึ่งพาการส่งออกมาก หากนโยบายภาษีถูกบังคับใช้ ไทยอาจพบภาวะเศรษฐกิจถดถอยในทางเทคนิค ซึ่งหมายถึง GDP ลดลงติดต่อกันสองไตรมาส
สศค. จะเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจไตรมาสแรกในวันที่ 28 เมษายนนี้ โดยจะมีการปรับปรุงตัวเลขประมาณการ GDP จากปัจจัยลบสองประการ คือ ภัยแผ่นดินไหวและมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยถึง 36% ซึ่งจะกดดันความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม
รัฐบาลไทยกำลังเตรียมมาตรการเพื่อเรียกความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจกลับมา โดยการสนับสนุนด้านสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินของรัฐ เช่น EXIM BANK และ ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนี้
เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยบวก เช่น การท่องเที่ยวและการจัดเก็บรายได้ของรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับดี ถึงแม้ว่าภาคการส่งออกอาจได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี แต่หากการเจรจากับสหรัฐประสบความสำเร็จและมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นก็อาจกลับมาและช่วยลดผลกระทบได้
การประกาศนโยบายภาษีของสหรัฐในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ภาวะช็อกชั่วคราว แต่ยังอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาว ซึ่งต้องรอติดตามผลลัพธ์ของการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและทางสหรัฐต่อไป