TradingKey - ในขณะที่ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีสหรัฐฯ แข่งขันกันเพิ่มการลงทุนด้านทุน (CapEx) เพื่อเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI การเปิดตัวโมเดลขนาดใหญ่ DeepSeek R1 ของจีนในต้นปี 2025 ได้พลิกทัศนคติของตลาดทุนและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไปอย่างสิ้นเชิง
DeepSeek ได้พลิกแนวคิดเดิมที่ว่า การอัปเกรดพลังการคำนวณ AI เป็นเรื่องของการขยายกำลังเพียงอย่างเดียว โมเดล DeepSeek พิสูจน์แล้วว่าสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพ ทำให้ต้นทุนพลังการคำนวณ AI ถูกลง
ก่อนเกิด DeepSeek ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง Google, Microsoft และ Meta มักซื้อชิปเซมิคอนดักเตอร์จำนวนมากเพื่อฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ของตนเอง และแนวคิดที่ว่า "การสร้างความสามารถด้าน AI ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล" เกือบจะถูกฝังลึกในอุตสาหกรรม AI มาแล้ว
โมเดล DeepSeek กลายเป็นที่รู้จักในพริบตาด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น ต้นทุนต่ำมาก, การบริโภคชิปน้อย, ประสิทธิภาพสูง, โครงสร้างอัลกอริทึมที่เป็นนวัตกรรม และความเป็นโอเพ่นซอร์ส ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทผลิตชิป เช่น NVIDIA ลดลงอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในแนวโน้มความต้องการชิป AI ได้นำไปสู่การประเมินค่าใหม่ของห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI: ความเข้าใจใหม่ที่ว่าไม่จำเป็นต้องใช้พลังการคำนวณมากเท่าเดิม ทำให้เกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพื้นฐานของพลังการคำนวณ ในขณะที่การกระจายอำนาจของ AI ถือเป็นเรื่องดีสำหรับอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้งานกับผู้บริโภค
ด้วยเหตุนี้ เราจึงวิเคราะห์ผลกระทบที่เป็นไปได้ของ DeepSeek ต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI พร้อมค้นหาโอกาสการลงทุนในวงการนี้
ChatGPT คือระบบสนทนาในระดับมนุษย์แห่งแรกของโลก และการเกิดขึ้นของมันได้กระตุ้นให้ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีสหรัฐฯ แข่งขันกันพัฒนาโมเดล AI ขนาดใหญ่ของตนเอง โดยลงทุนทรัพยากรจำนวนมหาศาล
ในปัจจุบัน โมเดลที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ได้แก่ ChatGPT ของ OpenAI, Gemini ของ Google, Copilot หรือ Phi จาก Microsoft, Llama ของ Meta, Grok จาก xAI ภายใต้การบริหารของอีลอน มัสค์, Nova ของ Amazon, Claude ของ Anthropic, Mistral Large จากบริษัทฝรั่งเศส Mistral และรวมถึง DeepSeek ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและโมเดล Qwen ของ Alibaba เป็นต้น
ตามข้อมูลจาก Chatbot Arena ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โมเดล AI ขนาดใหญ่ที่ครองตลาดอย่างครอบคลุมในปัจจุบัน ได้แก่ Grok 3 จาก xAI, Gemini 2.0 จาก Google, ChatGPT-4o, DeepSeek R1, Qwen 2.5 จาก Alibaba และ Hunyuan Turbo S จาก Tencent เป็นต้น
[รายชื่อจัดอันดับโมเดล AI ขนาดใหญ่ ที่มา: Chatbot Arena]
ก่อนเกิด DeepSeek ขนาดการลงทุนด้านทุนมักเป็นตัวชี้วัดถึงความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งในการพัฒนา AI ในปี 2024 การลงทุนด้านทุนรวมของ Microsoft, Google, Amazon และ Meta ถึง 2.3 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าทั้งสี่บริษัทนี้จะมีการลงทุนด้านทุนรวม 3.2 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2025 โดยมีอัตราการเติบโตรายปีประมาณ 40%
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 บริษัท DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดล inference ขนาดใหญ่แบบโอเพ่นซอร์ส DeepSeek R1 ซึ่งทำให้ได้ผลการทดสอบในงานต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ การให้เหตุผล และการเขียนโปรแกรม ที่เทียบเท่า ChatGPT แต่ลดต้นทุนการเรียกใช้ API ลงมากกว่า 90%
เทคโนโลยีหลักที่ช่วยลดต้นทุนพลังการคำนวณในโมเดล DeepSeek ได้แก่
ค่าใช้จ่ายในการฝึกสอนโมเดลเดี่ยวของ OpenAI GPT-4, Google Gemini, Meta Llama-3 และ DeepSeek V3 อยู่ที่ 100-200 ล้านดอลลาร์, 200 ล้านดอลลาร์, 30-50 ล้านดอลลาร์, และ 10-50 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ
จากมุมมองของกรอบพื้นฐานโดยรวม ห่วงโซ่อุตสาหกรรมของ DeepSeek ประกอบด้วย ขั้นพื้นฐาน ขั้นเทคนิค ขั้นประยุกต์ใช้งาน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ผู้ผลิตชิปและบริษัทด้านการประยุกต์ใช้งานในห่วงโซ่อุตสาหกรรมของ DeepSeek ได้รับความสนใจมากที่สุด ภายใต้น้ำหนักของโมเดล DeepSeek ราคาหุ้นของ NVIDIA ลดลง 17% เมื่อวันที่ 27 มกราคม โดยมีการสูญเสียมูลค่าตลาดที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของหุ้นสหรัฐฯ ในขณะที่บริษัทอย่าง Alibaba และ Apple ยังคงขึ้นราคาต่อเนื่องหลังจากนั้น
ความเห็นโดยรวมในอุตสาหกรรมคือ ชั้นประยุกต์ใช้งานและแพลตฟอร์มจะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันโมเดลและต้นทุนพลังการคำนวณที่ลดลง ภาคการดูแลสุขภาพด้วย AI และภาคโฆษณา AI ได้รับความคาดหวังจากนักลงทุนไม่นานหลังจากการเปิดตัว DeepSeek: ราคาหุ้นของ Hims & Hers Health (HIMS.US) เพิ่มเป็นสองเท่าในครึ่งเดือน และ Applovin (APP.US) เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ภายในไม่กี่วัน
[ที่มา: TradingKey]
จากข้อมูลของสถาบันวิจัย IOT Analytics เมื่อพิจารณาผลกระทบระยะสั้นและศักยภาพระยะยาวของโมเดล DeepSeek ต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI ผู้ชนะอาจเป็นผู้ใช้ปลายทาง แอป GenAI ผู้ให้บริการ edge computing ผู้ให้บริการข้อมูล เป็นต้น ในขณะที่ผู้แพ้อาจเป็นผู้ผลิตชิป AIและผู้ผลิตโมเดลขนาดใหญ่
[ผู้ชนะและผู้แพ้ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมโมเดลของ DeepSeek ที่มา: IOT Analytics]
งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า เมื่อเผชิญกับความท้าทายของทรัพยากรพลังการคำนวณประสิทธิภาพสูง แนวทางหลักสองประการคือ “การขขาขกำลัง” และ “การปรับปรุงประสิทธิภาพ”
ไม่นานหลังจากเปิดตัว DeepSeek ราคาหุ้นของผู้ผลิตชิป เช่น NVIDIA ลดลงอย่างรวดเร็ว สะท้อนความคาดหวังของตลาดว่าความต้องการชิปจะลดลง
และราคาหุ้นของบริษัทใหญ่ เช่น Microsoft ที่ลดลงอย่างชัดเจน แสดงถึงความสงสัยเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลของการลงทุนทุนมหาศาล
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นมา นักวิเคราะห์มากขึ้นเริ่มพิจารณาว่าผลกระทบของ DeepSeek ต่อความต้องการชิปและศูนย์ข้อมูลนั้นเป็นสิ่งที่น่ายินดีหรือเป็นสิ่งที่ต้องกังวล
Morgan Stanley ชี้ว่า โมเดล DeepSeek ของจีนและโครงการ "Stargate" ของสหรัฐฯ จะร่วมกันกระตุ้นความต้องการในห่วงโซ่อุตสาหกรรมชิป AI ระดับโลก: DeepSeek ทำให้ความต้องการเทคโนโลยี AI ในตลาดจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โครงการ Stargate จะกระตุ้นความต้องการฮาร์ดแวร์ AI เช่น high-performance computing (HPC)
CEO ของ NVIDIA, Jensen Huang กล่าวว่าการเกิดขึ้นของ DeepSeek ได้จุดไฟให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก และโมเดล inference นี้จะสามารถใช้พลังการคำนวณได้มากขึ้นในอนาคต
Bank of America คาดว่าบริษัทคลาวด์คอมพิวติ้งจะยังคงเพิ่มการลงทุนด้านทุนอย่างมีนัยสำคัญในปี 2025 สะท้อนถึงความต้องการ AI ที่แข็งแกร่งและข้อจำกัดของความสามารถในการผลิตในปัจจุบัน โดยคาดว่าการลงทุนของผู้ดำเนินการศูนย์ข้อมูล hyperscale จะเพิ่มขึ้น 34% ในปี 2025 เป็น 2.57 แสนล้านดอลลาร์
DeepSeek มีผลกระทบหลักสองประการต่อภาพรวมของตลาดทุนและการรับรู้ในอุตสาหกรรม:
1. iShares Semiconductor ETF (SOXX):
กองทุน ETF iShares Semiconductor (SOXX) ก่อตั้งขึ้นในปี 2001
หุ้นที่มีน้ำหนักสูงสุด 5 ตัว ได้แก่ Broadcom, NVIDIA, Qualcomm, AMD และ Texas Instruments
จากปี 2023 ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 SOXX พุ่งขึ้น 70% แต่ในปี 2025 ลดลง 8%
[แนวโน้มราคา SOXX ที่มา: TradingView]
DeepSeek ทำให้เกิดแรงกดดัน แต่บริษัทในกลุ่มยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง เช่น NVIDIA มีรายได้เพิ่มขึ้น 114% เมื่อเทียบปีต่อปี และกำไรเพิ่มขึ้น 145% เมื่อเทียบปีต่อปีในปีงบประมาณ 2025 โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเกิน 70% ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2026
CEO ของ Qualcomm กล่าวว่า DeepSeek เป็นประโยชน์ต่อบริษัท เพราะชิปของบริษัทสามารถรันโมเดลได้อย่างมีประสิทธิภาพในเครื่องแทนที่จะพึ่งพาคลาวด์
2. Invesco QQQ Trust (QQQ):
กองทุน ETF QQQ หรือ Invesco QQQ Trust เปิดตัวโดย Invesco เพื่อติดตามดัชนี NASDAQ 100
จากปี 2023 ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 QQQ พุ่งขึ้น 85% แต่ในปี 2025 ลดลง 3%
[แนวโน้มราคา QQQ ETF ที่มา: TradingView]
หุ้นที่มีน้ำหนักสูงสุด 5 ตัว ได้แก่ Apple, NVIDIA, Microsoft, Amazon และ Broadcom
นอกจากนี้ยังลงทุนใน Tesla, AMD, Intel, Marvell และ Costco
การถือครองใน QQQ ครอบคลุมทั้งบริษัทซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ AI รวมถึงภาคผู้บริโภคและสุขภาพ
Fitch ชี้ว่าหาก DeepSeek ผลักดันให้ผู้ใช้งาน AI เปลี่ยนไปสู่รูปแบบการใช้จ่ายที่ยั่งยืน บริษัทใน QQQ จะได้รับประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงในตลาดชิป ซึ่งจะส่งผลดีต่อโอกาสของ AMD, Intel, Broadcom และ Marvell
3. Invesco S&P 500 Equal Weight ETF (RSP):
กองทุน ETF Invesco S&P 500 Equal Weight (RSP) ถือหุ้นของ 500 บริษัทในดัชนี S&P 500 ด้วยน้ำหนักเท่า ๆ กัน (ประมาณ 0.2% ต่อบริษัท) แทนที่จะใช้น้ำหนักตามมูลค่าตลาด
กองทุนนี้พุ่งขึ้น 29% จากปี 2023 ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และเพิ่มขึ้น 1% ในปี 2025
[แนวโน้มราคา Invesco S&P 500 แบบ Equal Weight ETF ที่มา: TradingView]
RSP ครอบคลุมหลายภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรม (15.45%), การเงิน (14.94%), เทคโนโลยีสารสนเทศ (13.72%), สุขภาพ (12.63%), และสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น (9.83%)
หากคุณมองในแง่ดีต่อภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ กองทุน ETF แบบ Equal Weight นี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการกระจายความเสี่ยงและเปิดโอกาสในหุ้นขนาดกลางและเล็ก แต่ควรทราบว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีขึ้น กองทุนนี้อาจตามหลังกองทุนที่ใช้น้ำหนักตามมูลค่าตลาด
4. CSOP Hang Seng Tech Index ETF (3033.HK):
กองทุน ETF CSOP Hang Seng Tech Index (3033.HK) เป็นกองทุน ETF แรกของโลกที่ติดตามดัชนี Hang Seng Tech และมีขนาดใหญ่ที่สุด
ในปี 2021, 2022 และ 2023 กองทุนนี้ลดลง 33.25%, 27.42% และ 9.21% ตามลำดับ
ด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนในปี 2024 ดัชนีเพิ่มขึ้น 18.64% ในปี 2024
โดยแรงผลักดันจาก DeepSeek ตั้งแต่ต้นปี 2025 ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีเพิ่มขึ้นมากกว่า 23%
[แนวโน้มราคา CSOP Hang Seng Tech Index ETF ที่มา: TradingView]
ดัชนีนี้ติดตามผลการดำเนินงานของ 30 บริษัทนวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นนำที่จดทะเบียนในฮ่องกง เช่น Xiaomi Group, JD.com, Alibaba, Tencent, Semiconductor Manufacturing International Corporation, Meituan, Li Auto, XPeng Motors ฯลฯ
Goldman Sachs กล่าวว่า DeepSeek ได้สร้างแรงบันดาลใจให้นักลงทุนเร่งซื้อหุ้นจีน
Deutsche Bank ระบุว่าปี 2025 จะเป็นปีที่สำคัญสำหรับชุมชนการลงทุนระดับโลกในการทบทวนการแข่งขันระหว่างประเทศของจีน