Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐปรับตัวขึ้นในช่วงเย็นวันอาทิตย์ หลังมีรายงานว่ามาตรการเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะประกาศในวันที่ 2 เมษายน จะมีขอบเขตแคบลงและไม่เข้มงวดเท่าที่เคยกังวลไว้ ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
รายงานจาก Bloomberg และ Wall Street Journal ระบุว่าทรัมป์น่าจะไม่เก็บภาษีตามภาคอุตสาหกรรมในสัปดาห์หน้า และแผนการเก็บภาษีตอบโต้จะจำกัดอยู่เพียงประมาณ 15 ประเทศเท่านั้น
ฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้นเนื่องจากวอลล์สตรีทเริ่มฟื้นตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อต้นเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม หุ้นยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับของเขตปรับฐาน
S&P 500 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.6% แตะ 5,751.0 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.7% แตะ 20,102.75 จุด ณ เวลา 07:00 น. (GMT+7) ส่วน ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.5% แตะ 42,519.0 จุด
ทรัมป์จะไม่เก็บภาษีตามภาคอุตสาหกรรม และจำกัดการเก็บภาษีตอบโต้
ทรัมป์ซึ่งก่อนหน้านี้ได้กล่าวถึงวันที่ 2 เมษายนว่าเป็น “วันปลดปล่อย” ของสหรัฐฯ จะไม่เก็บภาษีตามที่เคยขู่ไว้กับอุตสาหกรรมหลัก เช่น ยานยนต์ ยา เซมิคอนดักเตอร์ และสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภท ตามรายงานจากสื่อหลายแห่ง
ทรัมป์จะเปิดเผยแผนการเก็บภาษีที่เทียบเท่ากับภาษีที่ประเทศคู่ค้าเก็บกับสินค้าสหรัฐฯ แต่จะจำกัดอยู่แค่ประมาณ 15 ประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าเป็นประเทศที่มีความไม่สมดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ ในระดับมาก
แต่ละประเทศจะได้รับอัตราภาษีตามความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ ความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของทรัมป์ได้ฉุดตลาดวอลล์สตรีทร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเกรงว่าจะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น กระทบต่อการค้าโลก และถ่วงการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
แม้ว่ามาตรการภาษีกับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ จะยังคงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอยู่ แต่การจำกัดขอบเขตของภาษีก็ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าผลกระทบอาจไม่รุนแรงนัก
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเริ่มฟื้นตัวขึ้นบ้างเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากการคาดการณ์ว่าทรัมป์จะลดขนาดมาตรการภาษีลงเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคม ทรัมป์เคยเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับภาษีที่มีต่อแคนาดาและเม็กซิโก และต่อมาก็ได้ยกเว้นอุตสาหกรรมสำคัญบางแห่งจากภาษี 25% ที่มีต่อสองประเทศนี้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นวอลล์สตรีทปิดเกือบไม่เปลี่ยนแปลง และปรับขึ้นเล็กน้อยตลอดสัปดาห์ และยังซื้อขายอยู่เหนือระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน โดย S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.1% แตะ 5,667.56 จุด ขณะที่ NASDAQ คอมโพสิต เพิ่มขึ้น 0.5% แตะ 17,784.05 จุด และ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 0.1% แตะ 41,985.35 จุด
จับตาคำแถลงจากเฟดและข้อมูลเศรษฐกิจ
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะต้องจับตาคำแถลงจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหลังจากที่เฟดแสดงความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายของทรัมป์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตลาดคาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้ โดยอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงก็เป็นอีกปัจจัยที่จำกัดโอกาสในการลดดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลสำคัญอื่น ๆ อีกเช่น ดัชนี PMI เดือนมีนาคม ซึ่งจะให้ภาพรวมเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ และตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ที่ปรับทบทวนแล้ว ซึ่งจะเผยแพร่ในสัปดาห์นี้เช่นกัน