tradingkey.logo

หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ร่วง หลัง Meta และ Microsoft ทำผลงานได้ไม่ดีนัก

Investing.com31 ต.ค. 2024 เวลา 9:43

Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเปิดตลาดวอลล์สตรีทแบบขาลงในวันนี้ โดยยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Meta (NASDAQ:META) และ Microsoft (NASDAQ:MSFT) ต่างปรับลดลงเนื่องจากการคาดการณ์การใช้จ่ายเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นได้หักล้างกับผลประกอบการรายไตรมาสที่เป็นบวก

หุ้นฟิวเจอร์สร่วงลงหลังจากเซสชั่นมราติดลบในวอลล์สตรีท เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่เข้มข้นได้กดดันความเสี่ยงในการลงทุน ขณะที่รายงานผลประกอบการที่อ่อนแอและการคาดการณ์จากผู้ผลิตชิพบางรายก็เพิ่มแรงกดดันให้กับความเชื่อมั่นในตลาด นอกจากนี้ยังมีการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอีกหลายชุดที่กำลังจะออกมาในวันต่อ ๆ ไป

ณ เวลา 16:00 น. (GMT+7) ดัชนี ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ลดลง 181 จุดหรือ 0.4% S&P 500 ฟิวเจอร์ส ลดลง 41 จุดหรือ 0.7% และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ลดลง 218 จุดหรือ 1%

หุ้น Microsoft และ Meta ร่วงจากการคาดการณ์ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

หุ้นของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Meta และ Microsoft ต่างลดลงกว่า 3% ในการซื้อขายนอกเวลาตลาดทำการ แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาสกันยายนจะเกินความคาดหมายก็ตาม

เนื่องจากทั้งสองบริษัทคาดการณ์ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไตรมาสถัดไป และตัวชี้วัดสำคัญอื่น ๆ ก็ยังพลาดการคาดการณ์อีกด้วย

Microsoft คาดว่าธุรกิจคลาวด์จะเติบโตช้ากว่าที่คาดในไตรมาสปัจจุบัน และจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นโดยเฉพาะในด้าน AI

Meta เตือนถึงการเพิ่มค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเกี่ยวกับ AI ในปีถัดไป ขณะที่การเติบโตของผู้ใช้งานในไตรมาสกันยายนช้ากว่าไตรมาสก่อนหน้า

รายงานที่ผสมผสานกันนี้ทำให้นักลงทุนได้รับสัญญาณที่ไม่ชัดเจนว่า AI จะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ได้มากเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่สูง

นอกจากนี้ ปัจจัยบวกจากบริษัทแม่ของ Google อย่าง Alphabet (NASDAQ:GOOGL) ที่มีการเติบโตของรายได้จากธุรกิจคลาวด์ในไตรมาสนี้อย่างแข็งแกร่งแต่ไม่มีการเตือนถึงการเพิ่มค่าใช้จ่ายอย่างมากก็ไม่ได้ช่วยเสริมความเชื่อมั่นได้มากนัก

ตัวเลขที่หลากหลายจาก Meta และ Microsoft ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้นต่อผลประกอบการที่จะมาจาก Apple (NASDAQ:AAPL) และ Amazon (NASDAQ:AMZN) ซึ่งกำลังจะเปิดเผยในวันนี้

นอกเหนือจากรายงานผลประกอบการของหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แล้ว ผลประกอบการที่อ่อนแอจากหุ้นชิปบางตัว เช่น AMD (NASDAQ:AMD) และ Qorvo (NASDAQ:QRVO) ก็เพิ่มแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นในตลาดโดยรวมเช่นกัน

ความกังวลเรื่องการเลือกตั้งและอัตราดอกเบี้ยกดดันวอลล์สตรีท

ดัชนีในวอลล์สตรีทปรับตัวลดลงเมื่อวันพุธท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากสัญญาณความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่อาจสูงขึ้น

อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในวันพุธ หลังจากข้อมูล GDP แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ในไตรมาสที่สาม แต่ยังคงเติบโตเร็วกว่าเศรษฐกิจอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว

ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของ ADP ในเดือนตุลาคมก็สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก สะท้อนให้เห็นถึงตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และถือเป็นสัญญาณบวกก่อนข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่กำลังจะออกมาในวันศุกร์

ก่อนหน้านั้น ข้อมูลดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญก็กำลังจะประกาศออกมาในวันนี้ อีกทั้งธนาคารกลางยังมีการจัดการประชุมในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงที่ 0.25%

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหาข้างต้นทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการใช้งานแพลตฟอร์มของเรา ไม่ได้ให้คำแนะนำในการซื้อขายและไม่ควรเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจซื้อขายใดๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง