Investing.com - ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นในเดือนกันยายน สวนทางกับแนวโน้มที่โดยปกติแล้วจะเป็นเดือนที่อ่อนแอที่สุดของปี และตอนนี้ก็พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ที่พจะพุ่งขึ้นอีกเป็น 6,000 จุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนภายในสิ้นปีนี้ ตามการวิเคราะห์ใหม่จาก Bank of America
นักวิเคราะห์ของ BofA ระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ว่า "เมื่อดัชนี SPX ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนกันยายน ผลตอบแทนในช่วงที่เหลือของปีจะแข็งแกร่งขึ้น โดยดัชนี SPX ปรับตัวสูงขึ้น 67% จากผลตอบแทนเฉลี่ย 1.62% (ค่ามัธยฐาน 1.54%) ในเดือนตุลาคม และปรับตัวสูงขึ้น 79% จากผลตอบแทนเฉลี่ย 5.08% (ค่ามัธยฐาน 5.81%) ในไตรมาสที่ 4" "สิ่งนี้ช่วยหนุนดัชนี SPX 6000 ไปจนถึงสิ้นปี" พวกเขาเสริม
โดยปกติแล้วเดือนกันยายนจะเป็นเดือนที่ดัชนี S&P 500 อ่อนแอที่สุดในรอบปี แต่ดัชนีหลักกลับเพิ่มขึ้น 2.02% ในเดือนนี้ ซึ่งเพิ่มจากการเพิ่มขึ้น 20.81% ในรอบปีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสร้าง "รากฐานสำหรับไตรมาสที่ 4 ที่แข็งแกร่ง" นักวิเคราะห์กล่าว
ประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าเมื่อดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นระหว่าง 15% ถึง 25% ในรอบปีจนถึงไตรมาสที่สาม ดัชนีจะมีผลตอบแทนเฉลี่ยในไตรมาสที่สี่ที่ 4.40% ซึ่งบ่งชี้ว่าดัชนีอาจสามารถสะสมกำไรได้เพื่อปิดปีระหว่าง 5,930 ถึง 6,185 จุด
นอกจากจะต้านความอ่อนแอตามฤดูกาลแล้ว การเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่เห็นในไตรมาสที่ 3 ในปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีก็เป็นลางดีสำหรับดัชนี S&P 500 เช่นกัน BofA กล่าวเสริม โดยสังเกตว่าเมื่อดัชนีเพิ่มขึ้นในปีที่มีการเลือกตั้ง จะเห็นไตรมาสที่ 4 ในเชิงบวก 89% ของเวลา โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 4.98% นักวิเคราะห์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการที่ดัชนี S&P 500 ยังคงรักษาระดับแนวรับเอาไว้ได้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขาลงใด ๆ
“การคงระดับ 5,670-5,650 ถึง 5,615 (ดัชนี SPX 5600) ไว้ได้ จะช่วยให้การทะลุผ่านนี้ยังคงอยู่ที่เดิม” โดยนักวิเคราะห์กล่าว พร้อมเสริมว่าแนวโน้มที่สูงขึ้นนั้นมีแนวโน้มว่าจะเต็มไปด้วยความผันผวนและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี