TradingKey – หลังจากสองสัปดาห์ที่เงินทุนหนีออกจากสินทรัพย์ดอลลาร์อย่างหนัก ความพยายามไม่ลดละของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสูงลิ่ว รวมถึงแผนถกเถียงที่จะท้าทายนโยบายดอลลาร์ด้วยการขู่ปลดประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ กลับพิสูจน์แล้วว่าไม่ยั่งยืน เมื่อถูกตลาดทุนสั่งสอนอย่างหนัก ทรัมป์จึงปรับท่าทีเรื่องภาษีและความเป็นอิสระของธนาคารกลางลงอย่างรวดเร็ว
วันอังคารที่ 22 เมษายน ทรัมป์ประกาศว่าจะลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนลงอย่างมีนัยสำคัญ ยืนยันว่าอัตราภาษีนำเข้าจีน “จะไม่อยู่สูงถึง 145%” อีกต่อไป
ทรัมป์กล่าวว่า “เราจะปฏิบัติกับพวกเขาอย่างเป็นมิตร และพวกเขาก็จะตอบสนองอย่างเป็นมิตร แล้วเราค่อยมาดูกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
ท่าทีล่าสุดของทรัมป์สอดคล้องกับถ้อยแถลงของ รมว. คลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ ที่ในการประชุมผู้ลงทุนแบบปิด เมื่อวันอังคาร เบสเซนต์ระบุว่าสถานการณ์ชิงดีชิงเด่นทางภาษีระหว่างสหรัฐฯ–จีนนั้นยั่งยืนไม่ได้ ทั้งสองมหาอำนาจต้องหาทางคลี่คลายความตึงเครียด
เบสเซนต์เน้นว่า “การแยกตัวจากจีนไม่ใช่เป้าหมายของสหรัฐฯ” เขาคาดว่าความตึงเครียดจะบรรเทาลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แม้ว่าการทำข้อตกลงขนาดใหญ่จะใช้เวลานานกว่านั้น
ตั้งแต่ต้นปี ศึกภาษีของทรัมป์กับคู่ค้าโลก ส่งผลกัดกร่อนความเชื่อมั่นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างหนัก นโยบายที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเสียความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อทิศทางนโยบายสหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำพุ่งทะลุ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซ้ำหลายครั้ง ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงกว่า 10%
เมื่อความปั่นป่วนในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย ทรัมป์กลับยกระดับโจมตีความลังเลของพาวเวลล์เรื่องการลดดอกเบี้ย และขู่จะปลดเขาก่อนครบวาระ เสาหลักของเขาได้รับคำเตือนจากวงการวอลล์สตรีทว่า ความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯคือหัวใจสำคัญของอภิมหาบรรษัทดอลลาร์ การปลดเจ้าหน้าที่ Fed แบบไม่เป็นเหตุเป็นผลอาจเร่งการ “ลดบทบาทดอลลาร์”
ภายใต้แรงกดดันนี้ วันอังคารทรัมป์จึงผ่อนคลายถ้อยคำ โดยยืนยันว่าแม้ยังไม่พอใจจังหวะลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯแต่ไม่มีแผนจะปลดประธานพาวเวลล์
ทรัมป์ระบุว่าความขัดแย้งรอบบางถ้อยคำของเขาถูกขยายความจนเกินจริง และหวังว่าพาวเวลล์จะกล้าปรับลดดอกเบี้ยมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
ในวันเดียวกัน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ปรับตัวขึ้นจากต่ำกว่า 98 ในวันก่อนมาแตะสูงสุดที่ 99.64 และปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 99.20