tradingkey.logo

NZD/USD ดึงดูดผู้ขายบางรายต่ำกว่า 0.5750 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า

FXStreet28 มี.ค. 2025 เวลา 1:57
  • คู่ NZD/USD อ่อนตัวลงไปอยู่ที่ประมาณ 0.5720 ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันศุกร์ ลดลง 0.32% ในวันนี้ 
  • ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้ายังคงกดดันดอลลาร์นิวซีแลนด์ 
  • นักลงทุนรอข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ เดือนกุมภาพันธ์ในวันศุกร์เพื่อเป็นแรงกระตุ้นใหม่ 

คู่ NZD/USD ยังคงอยู่ภายใต้แรงขายใกล้ 0.5720 ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันศุกร์ ความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดแรงกดดันในการขายดอลลาร์นิวซีแลนด์ ข้อมูลการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ เดือนกุมภาพันธ์จะเป็นจุดสนใจในวันศุกร์นี้ 

เทรดเดอร์ยังคงรู้สึกตึงเครียดก่อนการประกาศภาษีตอบโต้ของทรัมป์ในวันที่ 2 เมษายน ทรัมป์กล่าวว่าภาษีจะมีแนวโน้มที่จะ "ผ่อนปรนมากกว่าภาษีตอบโต้" เนื่องจากเส้นตายภาษีในสัปดาห์หน้ากำลังใกล้เข้ามาสำหรับภาษีหลายรายการที่จะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของเขาอาจทำให้ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) 

นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่จะคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ระดับเดิม สัญญาณใด ๆ ที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้ออ่อนตัวอาจกดดันค่าเงินดอลลาร์และช่วยจำกัดการขาดทุนของคู่สกุลเงินนี้ 

นอกจากนี้ ความก้าวหน้าที่ดีเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนอาจช่วยหนุน NZD เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้าทางการค้าที่สำคัญของนิวซีแลนด์ รองนายกรัฐมนตรีจีน ดิง กล่าวว่ารัฐบาลจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่มีความกระตือรือร้นมากขึ้นในปีนี้ ในขณะที่ส่งเสริมภาคเอกชนและสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ 

New Zealand Dollar FAQs

ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์

ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD

การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง

ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง