NZD/USD ยังคงอยู่เหนือ 0.5600 ในช่วงชั่วโมงการซื้อขายของเอเชียในวันพฤหัสบดีหลังจากปรับตัวขึ้นสามวันติดต่อกัน คู่สกุลเงินได้รับแรงหนุนเมื่อดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขยายการปรับตัวลงหลังจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคมที่เย็นตัวลงเกินคาด กระตุ้นการเก็งว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้
ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปีในเดือนธันวาคม จาก 2.7% ในเดือนพฤศจิกายน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด เมื่อเทียบรายเดือน CPI เพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก่อนหน้า
US Core CPI ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 3.2% ต่อปีในเดือนธันวาคม ต่ำกว่าตัวเลขในเดือนพฤศจิกายนและการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 3.3% เล็กน้อย เมื่อเทียบรายเดือน Core CPI ขยับขึ้น 0.2% ในเดือนธันวาคม 2024
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดประสิทธิภาพของดอลลาร์สหรัฐเทียบกับ 6 สกุลเงินหลัก กำลังซื้อขายใกล้ 109.00 ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี และ 10 ปี อยู่ที่ 4.27% และ 4.66% ตามลำดับ ทั้งสองอัตราผลตอบแทนลดลงกว่า 2% ในวันพุธเนื่องจากข้อมูล Core CPI ของสหรัฐฯ ที่เย็นตัวลงกระตุ้นการคาดการณ์ว่าวัฏจักรการผ่อนคลายของเฟดอาจดำเนินต่อไป
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยงแข็งค่าขึ้นจากความเชื่อมั่นของตลาดที่ดีขึ้นหลังจากรายงานจาก Bloomberg ระบุว่าทีมเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้รับเลือก โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาแนวทางการปรับขึ้นภาษีนำเข้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน
NZD ยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลการค้าที่แข็งแกร่งจากจีนและมาตรการของปักกิ่งในการรักษาเสถียรภาพของหยวน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นอาจถูกจำกัดเนื่องจากตลาดคาดว่า RBNZ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 4.25% ลง 50 จุดเบสิสในเดือนกุมภาพันธ์ สะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศ
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า