คู่ NZD/USD ยืนมั่นคงใกล้แนวรับระดับเลขกลม ๆ ที่ 0.5600 ในช่วงตลาดลงทุนอเมริกาเหนือวันศุกร์ คู่เงินกีวีดีดตัวขึ้นเนื่องจากดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ฟื้นตัวหลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางจีน (PBoC) จะลดอัตราส่วนความต้องการสำรอง (RRR) และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้ "ในเวลาที่เหมาะสม"
PBoC ระบุว่าการปรับนโยบายการเงินเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อ "ส่งเสริมการลดลงอย่างต่อเนื่องของต้นทุนการเงินของบริษัทและสินเชื่อครัวเรือน" ธนาคารกลางยังเน้นว่าการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนคลายจะ "ส่งเสริมการรักษาเสถียรภาพและการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์" ดอลลาร์นิวซีแลนด์ใช้ประโยชน์จากความคาดหวังของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของจีน เนื่องจากนิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในคู่ค้าหลักของจีน
ในขณะเดียวกัน การเทขายเล็กน้อยในดอลลาร์สหรัฐ (USD) ก็ได้ผลักดันคู่เงินกีวีให้สูงขึ้น ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดมูลค่าของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ร่วงลงใกล้แนวรับสำคัญที่ 109.00 ในช่วงตลาดลงทุนอเมริกาเหนือวันศุกร์ อย่างไรก็ตาม ยังคงใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่าสองปีที่ 109.55
ดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งแกร่งโดยรวมเนื่องจากคาดว่าเฟดจะดำเนินนโยบายการลดอัตราดอกเบี้ย "อย่างช้าและระมัดระวัง" เฟดได้ส่งสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในปีนี้ ในขณะเดียวกัน นักลงทุนรอข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ของ ISM สหรัฐฯ สำหรับเดือนธันวาคม ซึ่งจะประกาศเวลา 15:00 GMT
คู่ NZD/USD พบแนวรับชั่วคราวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสองปีที่ 0.5520 ในกรอบเวลารายสัปดาห์ แนวโน้มของคู่เงินกีวียังคงเป็นขาลงเนื่องจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) 20 สัปดาห์ ซึ่งเคลื่อนไหวรอบ 0.5868 กำลังลดลง
ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) 14 สัปดาห์ ร่วงลงใกล้ 30.00 บ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาลงที่แข็งแกร่ง
คู่เงินกีวีอาจปรับตัวลดลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปีที่ 0.5470 และแนวรับระดับเลขกลม ๆ ที่ 0.5400 หากทะลุแนวรับทางจิตวิทยาที่ 0.5500
ในทางกลับกัน การทะลุแนวต้านที่ระดับสูงสุดของวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ 0.5930 อาจผลักดันคู่เงินไปที่ระดับสูงสุดของวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ 0.5970 และแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 0.6000
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า