NZD/USD สิ้นสุดการปรับตัวขาลงสองวันหลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบสองปีที่ 0.5761 ในวันพุธ ปัจจุบันซื้อขายที่บริเวณ 0.5820 ในช่วงเช้าของเซสชั่นยุโรปในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันขาลงเนื่องจากมีรายงานว่ารัฐบาลปักกิ่งอาจปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงอีกในปีหน้าเพื่อชดเชยผลกระทบของภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ สกุลเงินหยวนที่อ่อนค่าลงมักส่งผลเสียต่อ NZD เนื่องจากนิวซีแลนด์พึ่งพาจีนเป็นตลาดส่งออกที่สําคัญ
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมตลาดคาดการณ์ว่า ทางธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุดพื้นฐาน (bps) อย่างมีนัยสําคัญในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจะมีส่วนทําให้สกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) อ่อนค่าลง
แรงขาขึ้นของคู่ NZD/USD ได้เกิดขึ้นเมื่อดอลลาร์สหรัฐ (USD) ปรับฐานขาลงหลังจากหยุดการวิ่งขึ้นติดต่อกันสี่วันแม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะสูงขึ้นก็ตาม ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ซื้อขายที่บริเวณ 106.40 โดยมีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีและ 10 ปีอยู่ที่ 4.16% และ 4.28% ตามลําดับ ณ เวลาที่เขียนข่าวนี้
ดอลลาร์สหรัฐฯ เผชิญกับแรงกดดันเนื่องจากรายงาน CPI ล่าสุดของสหรัฐฯ ดูเหมือนจะไม่เพียงพอที่จะรั้งไม่ให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม โดยจากข้อมูลของ CME FedWatch Tool มีการประเมินความเป็นไปได้เกือบ 99% ที่จะลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในวันที่ 18 ธันวาคม ในตอนนี้เทรดเดอร์หันมาสนใจดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้เพื่อเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาตลาดใหม่
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า