TradingKey - ในการประเมินล่าสุดจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ พบว่าเศรษฐกิจไทยและสิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ารุนแรงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยไทยคาดว่าจะมีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจเพียง 1.8% ในปีนี้ และสิงคโปร์ 2% นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุน และการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 เป็นต้นไป หากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ ไทยอาจเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิคหรือเงินฝืด
ประเทศไทยและสิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าเนื่องจากมีโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปิดกว้างและพึ่งพาการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิงคโปร์ที่มีการเปิดประเทศสูงสุดในอาเซียน ส่วนไทยแม้ว่าจะมีตลาดภายในใหญ่กว่า แต่การที่ประชากรมีอายุสูงขึ้นและมีหนี้สินครัวเรือนสูงทำให้การกระตุ้นการบริโภคภายในมีข้อจำกัด
เพื่อปรับปรุงเศรษฐกิจไทยให้หลุดพ้นจากการเติบโตต่ำสุดในอาเซียน จำเป็นต้องปฏิรูปในทุกมิติ ลงทุนเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การปฏิรูปเศรษฐกิจระยะสั้นที่จำเป็นต้องทำ ได้แก่ การผ่อนคลายการเงินและการคลัง การลดการเลิกจ้างในภาคส่งออก และการป้องกันความไม่สงบทางสังคม
นายอนุสรณ์ยังเสนอว่า การใช้เงินกู้จากภาครัฐควรมุ่งเน้นไปที่การลงทุนเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน การกู้เงินเพิ่มอาจช่วยบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ควรใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตของประเทศ
ทั้งนี้ การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ (Soft Loans) อาจช่วยลดความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของ SMEs แต่ไม่เพียงพอที่จะปรับโครงสร้างภาคธุรกิจให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาตรการนี้จึงควรทำควบคู่กับการปฏิรูปธุรกิจและการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรม