tradingkey.logo

ว่าที่ รมว.คลังสหรัฐฯ กล่าวว่าสถานะของดอลลาร์ในระดับโลกมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

FXStreet16 ม.ค. 2025 เวลา 3:58

ตามรายงานของ Bloomberg สก็อต เบสเซนต์ (Scott Bessent) ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) กล่าวเมื่อวันพุธว่าการรักษาดอลลาร์สหรัฐ (USD) ให้เป็นสินทรัพย์สำรองของโลกมีความสำคัญต่อสุขภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และอนาคตของประเทศ

ข้อความอ้างอิง

“เราต้องรักษาความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทานที่มีความเสี่ยงต่อคู่แข่งเชิงกลยุทธ์ และเราต้องปรับใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างระมัดระวัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางของรัฐบาลทั้งหมดเพื่อจัดการกับข้อกำหนดด้านความมั่นคงแห่งชาติของเรา”

“และที่สำคัญ เราต้องรับรองว่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นสกุลเงินสำรองของโลก”

“ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนแรกในยุคปัจจุบันที่ตระหนักถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของเราและยืนหยัดเพื่อคนงานชาวอเมริกัน”  

“การลงทุนที่มีประสิทธิผล (ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว) จะต้องจัดลำดับความสำคัญมากกว่าการใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองซึ่งผลักดันอัตราเงินเฟ้อ”

ปฏิกริยาของตลาด

ในขณะที่รายงานข่าวนี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ปรับตัวลดลง 0.04% เคลื่อนไหวในวันนี้ที่ 109.06

US Dollar FAQs

ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่ใช้อย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา และเป็นสกุลเงินที่ใช้ 'โดยพฤตินัย' ของประเทศอื่น ๆ จำนวนมากที่มีการหมุนเวียนควบคู่ไปกับสกุลเงินท้องถิ่น เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 88% ของมูลค่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก หรือมีมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันตามข้อมูลของปี 2022 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สกุลเงิน USD เข้ามารับช่วงต่อตำแหน่งสกุลเงินสำรองของโลกจากสกุลเงินปอนด์ของอังกฤษที่เป็นในประวัติศาสตร์ใหญ่ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ถูกค้ำด้วยทองคำ จนกระทั่งเกิดข้อตกลง Bretton Woods ในปี 1971 เมื่อมาตรฐานการค้ำด้วยทองคำหมดไป

ปัจจัยเดียวที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐคือนโยบายทางการเงินซึ่งกำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เฟดมีหน้าที่สองประการ: เพื่อให้บรรลุเสถียรภาพด้านราคา (ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ) และส่งเสริมการจ้างงานเต็มรูปแบบ เครื่องมือหลักในการบรรลุเป้าหมายทั้งสองนี้คือการปรับอัตราดอกเบี้ย เมื่อราคาต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไปและอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ทางเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะหนุนค่าเงิน USD แต่เมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2% หรืออัตราการว่างงานสูงเกินไป เฟดอาจเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์

ในสถานการณ์ที่รุนแรงมากจริง ๆ ทาง Federal Reserve ยังสามารถพิมพ์ดอลลาร์ออกมาเพิ่มเติมและออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ได้ การทำ QE เป็นกระบวนการที่เฟดเพิ่มการไหลเวียนของสินเชื่อในระบบการเงินที่ติดขัดอยู่อย่างมาก โดยเป็นมาตรการทางนโยบายที่ไม่ได้เป็นมาตรฐานซึ่งใช้เมื่อสินเชื่อหมดเนื่องจากธนาคารจะไม่ให้กู้ยืมระหว่างกัน (เพราะกลัวคู่สัญญาจะผิดนัดชำระหนี้) ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อการลดอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะบรรลุผลลัพล์ที่จำเป็น ถือเป็นเครื่องทางเลือกสุดท้ายของเฟดในการต่อสู้กับวิกฤติสินเชื่อที่เกิดขึ้นระหว่างวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ในปี 2008 โดยเกี่ยวข้องกับการที่เฟดพิมพ์เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นและใช้เงินเหล่านั้นเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ การทำ QE มักจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง

การกระชับเชิงปริมาณ (QT) เป็นกระบวนการย้อนกลับของการทำ QE โดยที่ Federal Reserve จะหยุดซื้อพันธบัตรจากสถาบันการเงินและไม่นำเงินต้นไปลงทุนใหม่จากพันธบัตรที่ถืออยู่เพื่อซื้อใหม่ ซึ่งมักจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหาข้างต้นทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการใช้งานแพลตฟอร์มของเรา ไม่ได้ให้คำแนะนำในการซื้อขายและไม่ควรเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจซื้อขายใดๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง