นายธนวัต สุตันติวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทบิทาซซ่า จำกัด มองว่าแม้ราคาบิตคอยน์และตลาดคริปโทเคอร์เรนซีจะปรับตัวลงจากการเทขายของนักลงทุนสถาบันตามนโยบายภาษีตอบโต้ของโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ยังมีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาสสองด้วยปัจจัยบวกหลายประการ เช่น แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และบทบาทของบิตคอยน์ในการป้องกันเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มสูงขึ้นจากนโยบายภาษีที่กระทบต่อราคาสินค้า
ในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นสามแห่งของสหรัฐฯ เช่น Dow Jones, S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลงแรงถึง 10% ตามด้วยราคาบิตคอยน์ที่ลดลง 5% แต่ในเชิงพื้นฐาน บิตคอยน์ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายภาษีดังกล่าว และมีโอกาสฟื้นตัวหลังการเลื่อนนโยบายออกไป 90 วันยกเว้นประเทศจีน
ณ วันที่ 10 เมษายน 2568 ราคาบิตคอยน์กลับมาฟื้นตัว 8% และแตะระดับ 83,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยคุณสมบัติของบิตคอยน์ที่เป็นเครื่องเก็บรักษามูลค่าและสามารถสร้างผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อได้ ทำให้มีโอกาสที่นักลงทุนจะสนใจในสินทรัพย์นี้มากขึ้น
นอกจากนี้ นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจผ่อนคลายมากขึ้นด้วยการลดดอกเบี้ย แม้จะมีกำหนดในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ FEDWatch Tool ชี้ว่ามีโอกาส 57% ที่จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพฤษภาคม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาบิตคอยน์
ปัจจัยบวกอื่นๆ ยังรวมถึงการรับตำแหน่งประธาน SEC คนใหม่ที่อาจนำไปสู่การอนุมัติกฎระเบียบคริปโทฯ และกฎหมายเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์ นอกจากนี้ ความชัดเจนเรื่องการใช้บิตคอยน์ในทุนสำรองเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ อาจช่วยกระตุ้นตลาดได้
โดยรวมแล้ว ไตรมาสสองนี้ถือเป็นโอกาสดีในการสะสมบิตคอยน์ในระยะยาว โดยหากการเจรจาภาษีระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ มีความคืบหน้าเชิงบวก ก็มีโอกาสที่ราคาบิตคอยน์จะฟื้นตัวได้ด้วยแรงหนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและกฎระเบียบคริปโทฯ ที่ชัดเจน