ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไร หลังจากที่ราคาทองคำได้ทะยานสูงขึ้นกว่า 20% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลกที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตกต่ำและกดดันให้นักลงทุนเทขายทองคำเพื่อทำกำไร นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนขายทองคำเพื่อนำเงินไปใช้เป็นหลักประกันในตลาดหุ้นหลังถูกเรียกมาร์จิ้นคอลล์ อีกทั้งยังมีการถือครองเงินสดเพิ่มขึ้นในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะในสกุลเงินดอลลาร์ เงินสวิสฟรังก์ และเงินเยน ซึ่งถือเป็นเงินสกุลที่ปลอดภัย
นางสาวศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่าการลดลงของราคาทองคำเป็นเพียงระยะสั้น โดยมองว่าทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนในการทยอยเข้าซื้อสะสมทองคำ โดยให้แนวรับที่ 2,950 และ 2,920 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวต้านที่ 3,035 และ 3,100 ดอลลาร์/ออนซ์ และในปีนี้คาดการณ์แนวต้านสูงสุดที่ 3,200 และ 3,360 ดอลลาร์/ออนซ์
สำหรับตลาดทองในไทย การอ่อนค่าของเงินบาทยังคงเป็นปัจจัยหนุน โดยแนวรับราคาทองคำไทยอยู่ที่ 48,550 บาท และแนวต้านที่ 49,650 และ 50,300 บาท ส่วนสิ้นปีนี้คาดการณ์แนวต้านที่ 54,000 บาท ล่าสุดราคาทองคำปรับตัวลดลงรวม 600 บาท โดยราคาทองแท่งรับซื้อที่ 49,050 บาท ขายออกที่ 49,150 บาท และทองรูปพรรณรับซื้อที่ 48,163.32 บาท ขายออกที่ 49,950 บาท ขณะที่ Gold Spot อยู่ที่ 3,001.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ในภาพรวม แม้ว่าราคาทองคำจะเผชิญแรงกดดันในขณะนี้ แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังบ่งชี้ถึงโอกาสการฟื้นตัวในระยะยาว ทำให้เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับนักลงทุนในการพิจารณาการลงทุนในทองคำต่อไป