ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) ฟื้นตัวมาอยู่ที่ประมาณ $30.05 ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนยุโรปวันจันทร์ โลหะเงินปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความกลัวเกี่ยวกับสงครามภาษีและภาวะถดถอยทั่วโลกที่อาจเกิดขึ้นช่วยเพิ่มความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ราคาโลหะเงินมีความผันผวนเพิ่มขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเพื่อตอบสนองต่อการที่สหรัฐฯ กำหนดภาษีการค้าตอบโต้กับคู่ค้าทางการค้าที่สำคัญ ความกลัวที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะถดถอยจากผลกระทบของสงครามการค้าทั่วโลกที่เกิดจากภาษีการค้าตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดลดลงและส่งผลกระทบต่อโลหะมีค่า
นอกจากนี้ ความต้องการในอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) และพลังงานแสงอาทิตย์ ยังสร้างแรงหนุนให้กับโลหะเงิน คาดว่าการเติบโตในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคจะยังคงเกิดขึ้น เนื่องจากการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์จะช่วยเพิ่มข้อเสนอผลิตภัณฑ์
โลหะเงินมักเคลื่อนไหวไปพร้อมกับทองคำ แต่การใช้งานในอุตสาหกรรม เช่น อิเล็กทรอนิกส์และพลังงานแสงอาทิตย์ คิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของความต้องการทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 700.2 ล้านทรอยออนซ์ภายในปี 2024 ตามข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรม Silver Institute
เทรดเดอร์จะจับตาดูข้อมูลเงินเฟ้อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือนมีนาคม ซึ่งจะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ หากรายงานแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ต่ำกว่าที่คาดไว้ อาจทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและดึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการกำหนดราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ลงในระยะสั้น
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน