ราคาเงินกลับตัวในวันพฤหัสบดี และลดลงจากระดับสูงสุดประจําสัปดาห์ที่ 29.15 ดอลลาร์ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างฮามาส เฮซบอลเลาะห์ และอิสราเอล และความทุกข์ยากจากภาวะถดถอยในเศรษฐกิจสหรัฐฯ XAGUSD ซื้อขายแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 28.37 ดอลลาร์ ลดลงกว่า 2%
โลหะมีค่าเคลื่อนไหวทรงตัว เนื่องจากราคาลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน (DMA) ที่ 28.61 ดอลลาร์ ส่งสัญญาณถึงความอ่อนแอของตลาดกระทิง พวกเขาล้มเหลวในการทำราคาปิดรายวันเหนือ 29.00 ดอลลาร์ ก็อาจทําให้ราคาลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองวันที่ 28.22 ดอลลาร์
หาก XAGUSD ลดลงต่ำกว่า $28.00 โลหะเงินจะไปท้าทายระดับต่ำสุดของรอบล่าสุดที่ $27.31 ซึ่งเป็นระดับแนวรับของวันที่ 29 กรกฎาคม หากปรับตัวลดลงไปได้ ฝั่งผู้ขายต้องจับตาดูเส้น DMA 200 ที่ 25.98 ดอลลาร์
ในทางกลับกัน หาก XAGUSD เพิ่มขึ้นเกิน $29.00 ระดับเพดานแนวต้านถัดไปจะเป็น 50-DMA ที่ $29.86 ตามด้วยระดับราคาจิตวิทยา $30.00
โลหะเงิน: คําถามที่พบบ่อย
ทําไมผู้คนถึงลงทุนในโลหะเงิน?
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ปัจจัยใดที่มีอิทธิพลต่อราคาโลหะเงิน?
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
อุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมส่งผลต่อราคาโลหะเงินอย่างไร?
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของทองคําอย่างไร?
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน