คู่ NZD/USD ดิ่งลงต่ำกว่าแนวรับสําคัญที่ 0.5850 ในเซสชั่นการซื้อขายของยุโรปในวันศุกร์ คู่เงินนี้ร่วงลงเนื่องจากดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) อ่อนค่าลงทั่วทั้งกระดาน ท่ามกลางความคาดหวังที่มั่นคงว่าธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) จะปฏิบัติตามแนวทางการผ่อนคลายนโยบายในเชิงรุก
RBNZ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินสดอย่างเป็นทางการ (OCR) ลง 50 จุดพื้นฐาน (bps) มาเป็น 4.25% ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน และส่งสัญญาณให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างที่คล้ายคลึงกันต่อไปหากสภาวะเศรษฐกิจยังคงเปลี่ยนแปลงไปตามที่คาดการณ์ไว้ เทรดเดอร์ยังมั่นใจว่า RBNZ จะลดอัตรา OCR อีกครั้งที่ 50 bps มาเป็น 3.75% ในการประชุมนโยบายในเดือนกุมภาพันธ์
ในขณะเดียวกัน อารมณ์ของตลาดที่ระมัดระวังก่อนการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ (US) ก็ส่งผลกระทบเชิงลบต่อดอลลาร์กีวีเช่นกัน ฟิวเจอร์ส S&P 500 แสดงผลการดําเนินงานที่อ่อนแอในเซสชั่นยุโรป ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งติดตามมูลค่าของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ 6 สกุล ปรับตัวสูงขึ้นจากแนวรับสำคัญที่ 105.70 แล้ว
ข้อมูล NFP ของสหรัฐฯ จะส่งผลต่อความคาดหวังของตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และจะทำให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมนโยบายในวันที่ 18 ธันวาคมหรือไม่ เฟดได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หลักลง 75 bps ในการประชุมในเดือนกันยายนและพฤศจิกายน
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเพิ่มแรงงานใหม่ 200,000 คน ซึ่งสูงกว่าที่ 12,000 คนในเดือนตุลาคมอย่างมาก การจ้างงานได้ลดลงอย่างมากในเดือนที่แล้วเนื่องจากบางอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนและมีการนัดหยุดงานของกลุ่มแรงงานที่โรงงานของบริษัทโบอิ้ง อัตราการว่างงานคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นเป็น 4.2% จากการประกาศก่อนหน้านี้ที่ 4.1%
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า