นายเมธัส รัตนซ้อน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตเพียง 2.8% ซึ่งลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 3.0% สาเหตุหลักมาจากสงครามการค้าและการชะลอตัวของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะถ้าสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษี 5% บนสินค้านำเข้าจากไทยและนักท่องเที่ยวพลาดเป้า เศรษฐกิจอาจลดลงถึง 2.1%
นอกจากนี้ กนง. ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 2.00% เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และยังมีโอกาสที่จะปรับลดอีกหากเศรษฐกิจยังไม่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับผลกระทบจากสงครามการค้าและการท่องเที่ยวในอนาคต
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ แนะนำให้นักลงทุนปรับพอร์ตเน้นหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินและพลังงานในสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากสงครามการค้า โดยจัดพอร์ตการลงทุนเป็นหุ้น 60% และตราสารหนี้โลก 40% เพื่อลดความผันผวนจากตลาดโลก
นายธนธัช ศรีสวัสดิ์ นักกลยุทธ์จาก TISCO ESU ชี้ว่าตราสารหนี้โลกจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการลดความผันผวน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในยุโรปและจีน จึงเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ควรพิจารณาในการลงทุน
สุดท้ายนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้จะชะลอตัว แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่ยุโรปมีสัญญาณฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเยอรมนีที่มีแนวโน้มส่งผลบวกในอนาคต ทั้งนี้ต้องจับตาความเสี่ยงจากสงครามการค้าอย่างใกล้ชิด