ราคาโลหะเงินยืนยันรูปแบบกราฟ 'Double Bottom' ซึ่งได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ เหตุการณ์นี้จะนําประเด็นการอภปรายเรื่องที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเมื่อใดกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ดังนั้น XAG/USD จึงเคลื่อนไหวอยู่ที่ $31.40 ขยับขึ้นมากกว่า 2%
ในที่สุด โลหะสีเทาก็สามารถทำลาย neckline ของรูปแบบราคา 'double bottom' ที่ 30.73 ดอลลาร์ขึ้นได้ เปิดประตูให้กับการปรับตัวขึ้นในวันพฤหัสบดีเหนือระดับตัวเลข 31.00 ดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 31.75 ดอลลาร์ ก่อนที่ราคาโลหะเงินสปอตจะตกลงมาที่ระดับราคาปัจจุบัน
การเคลื่อนไหวของราคาแสดงให้เห็นว่าฝั่งผู้ซื้อกําลังกลับมาควบคุมเทรนด์ได้ ดังที่แสดงให้เห็นผ่านอินดิเคเตอร์ RSI สิ่งนี้เปิดประตูให้กับ XAGUSD ได้มุ่งหน้าสู่ขาขึ้นต่อไป
แนวต้านถัดไปของโลหะเงินจะอยู่ที่ 31.75 ดอลลาร์ ตามด้วยตัวเลขทางจิตวิทยาที่ 32.00 ดอลลาร์ หากทะลุผ่านขึ้นไปได้ จุดสูงสุดของวันที่ 29 พฤษภาคมที่ 32.15 ดอลลาร์จะปรากฎเป็นแนวต้านถัดไป ก่อนถึงระดับสูงสุดของปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) ที่ 32.51 ดอลลาร์ หากทะลุแนวต้านเหล่านี้ขึ้นไปได้ ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อ
ในทางกลับกัน หากราคา XAGUSD สปอตร่วงลงต่ำกว่า $ 31.00 นั่นอาจทําให้การปรับตัวลดลงรุนแรงขึ้น โซแนวรับถัดไปจะเป็นระดับสูงสุดของวันที่ 21 มิถุนายนที่ 30.73 ดอลลาร์ ตามด้วยระดับราคา 30.00 ดอลลาร์ ฝั่งผู้ขายจะทดสอบบริเวณที่การบรรจบกันของระดับสูงสุดของวันที่ 12 เมษายนและค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (DMA) ที่ $29.82/79
โลหะเงิน: คําถามที่พบบ่อย
ทําไมผู้คนถึงลงทุนในโลหะเงิน?
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ปัจจัยใดที่มีอิทธิพลต่อราคาโลหะเงิน?
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
อุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมส่งผลต่อราคาโลหะเงินอย่างไร?
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของทองคําอย่างไร?
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน