tradingkey.logo

IEA คงการคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันในปี 2024 ส่วนใหญ่ทรงตัวที่ 970,000 บาร์เรลต่อวัน

11 ก.ค. 2024 เวลา 10:04

ในรายงานตลาดน้ำมันรายเดือนที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี สํานักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ยังคงคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2024 อยู่ที่ 970,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd)

ประเด็นที่สำคัญเพิ่มเติม

การเติบโตของอุปทานทั่วโลกในปี 2025 จะสูงไปถึง 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยสหรัฐฯ แคนาดา กายอานา และบราซิลจะเป็นประเทศผู้นํามีเห็นการเพิ่มขึ้นสูงสุด

การเติบโตของอุปทานของน้ำมันในปี 2567 จะแตะ 770,000 บาร์เรลต่อวัน และทําให้อุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 103 ล้านบาร์เรลต่อวัน

คาดการณ์ระดับที่ OPEC+ คาดการณ์ในไตรมาสสามว่าจะสามารถผลิตน้ำมันดิบได้สูงขึ้น 800,000 bpd จากการผลิตในเดือนมิถุนายน

การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และการใช้พลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ที่จะลดความต้องการน้ำงานในปี 2024, 2025

ความต้องการของจีนคิดเป็น 70% ของอุปสงค์ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นในปี 2023  แต่เป็นเพียง 40% ในปี 2024 และ 2025

การบริโภคน้ำมันของประเทศจีนหดตัวลง เนื่องจากการฟื้นตัวหลังการระบาดใหญ่ได้จบลง

การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันชะลอตัวลงมาเหลือ 710,000 บาเรลล์ในปี 2567  ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายไตรมาสที่ต่ำที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี

มีการปรับลดแนวโน้มการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันในปี 2568 ลง 50,000 บาร์เรลต่อวัน มาเป็น 980,000 บาร์เรลต่อวัน

ปฏิกิริยาของตลาด

ในขณะที่เขียนข่าวนี้ ราคา WTI ทรงตัวที่ประมาณ 81.50 ดอลลาร์

 

คําถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับน้ำมันดิบ WTI

น้ำมัน WTI คืออะไร?

น้ำมัน WTI เป็นน้ำมันดิบประเภทหนึ่งที่จําหน่ายในตลาดต่างประเทศ WTI ย่อมาจาก West Texas Intermediate ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำมันสามประเภทหลัก ได้แก่ Brent และ Dubai Crude และ WTI โดยตัว WTI เรียกอีกอย่างว่าน้ำมัน "เบา" และน้ำมัน "หวาน" เนื่องจากมีแรงโน้มถ่วงและปริมาณกํามะถันค่อนข้างต่ำ ตามลําดับถือเป็นน้ำมันคุณภาพสูงที่กลั่นได้ง่าย มีแหล่งที่มาในสหรัฐอเมริกาและจัดจําหน่ายผ่านศูนย์กลาง Cushing ซึ่งถือเป็น "เส้นทางเดินน้ำมันหลักของโลก" เป็นเกณฑ์มาตรฐานสําหรับตลาดน้ำมันและราคาของน้ำมัน WTI มักถูกอ้างอิงในสื่อ

ปัจจัยใดที่ผลักดันราคาน้ำมัน WTI?

เช่นเดียวกับสินทรัพย์ทั้งหมด อุปสงค์และอุปทานเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของราคาน้ำมัน WTI ด้วยเหตุนี้ การเติบโตทั่วโลกจึงเป็นตัวขับเคลื่อนอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และในทางกลับกันสําหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่อ่อนแอ ความไม่มั่นคงทางการเมือง สงคราม และการคว่ำบาตรต่าง ๆ อาจสามารถกดดันอุปทานและส่งผลกระทบต่อราคา ด้านการตัดสินใจของกลุ่มโอเปก ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ เป็นอีกหนึ่งตัวขับเคลื่อนราคาที่สําคัญ และมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐก็มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันดิบ WTI เนื่องจากเป็นน้ำมันมีการซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงอาจทําให้น้ำมันมีราคาถูกลงมากขึ้น และในทางกลับกันด้วยเช่นกัน

ข้อมูลสินค้าคงคลังส่งผลต่อราคาน้ำมัน WTI อย่างไร

รายงานสินค้าคงคลังน้ำมันรายสัปดาห์ที่เผยแพร่โดยสถานบันปิโตรเลียมของอเมริกา หรือ American Petroleum Institute (API) และสำนักงานข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานหรือ Energy Information Agency (EIA) ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน WTI  โดยการเปลี่ยนแปลงของจำนวนสินค้าคงคลังสะท้อนถึงอุปสงค์และอุปทานที่ผันผวน หากข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสินค้าคงคลังลดลงอาจบ่งบอกถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น สินค้าคงเหลือที่สูงขึ้นสามารถสะท้อนถึงอุปทานที่เพิ่มขึ้น โดยรายงานของ API จะเผยแพร่ทุกวันอังคารและ EIA ในถัดไป ผลลัพธ์ของรายงานเหล่านี้มักจะคล้ายกันโดยแตกต่างกันภายใน 1% ของกันและกัน ในโอกาสราว ๆ 75%  ข้อมูลจาก EIA ถือว่ามีความน่าเชื่อถือมากกว่าเนื่องจากเป็นหน่วยงานของรัฐ

OPEC มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมัน WTI อย่างไร?

OPEC (หรือองค์การบริหารน้ำมันปิโตรเลียมของประเทศกลุ่มนักส่งออก - Organization of the Petroleum Exporting Countries) เป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน 13 ประเทศที่ร่วมกันกําหนดโควตาการผลิตสําหรับประเทศสมาชิกในการประชุมปีละสองครั้ง การตัดสินใจขององค์กรนี้มักส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน WTI เมื่อโอเปกตัดสินใจลดโควต้าการผลิตอาจทําให้อุปทานตึงตัว ผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น แต่เมื่อโอเปกเพิ่มการผลิตก็มีผลตรงกันข้าม OPEC+ หมายถึงกลุ่มขยายที่มีสมาชิกนอกโอเปกเพิ่มอีกสิบประเทศ โดยประเทศที่โดดเด่นที่สุดก็คือรัสเซีย

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหาข้างต้นทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการใช้งานแพลตฟอร์มของเรา ไม่ได้ให้คำแนะนำในการซื้อขายและไม่ควรเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจซื้อขายใดๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง