ในตลาดลงทุนเอเชียวันพุธ ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) เคลื่อนไหวไซด์เวย์ใกล้ $31.00 โลหะเงินไซด์เวย์แม้ว่าความเห็นจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เจอโรม พาวเวลล์ ในคําให้การต่อสภาคองเกรสครึ่งปีเมื่อวันอังคารจะบ่งชี้ว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญมีความสมดุลกันอย่างประณีต
ประธานเฟดเจอโรม พาวเวลล์ยอมรับว่าสภาวะตลาดแรงงานไม่ตึงตัวมากพอหลังจากยุคทุ่มสภาพคล่องมหาศาลในช่วงโรคระบาด เกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ พาวเวลล์ให้ความเห็นว่าเฟดมีความคืบหน้าในอัตราเงินเฟ้อในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และข้อมูลเศราฐกิจที่ดีมากขึ้นจะสนับสนุนโอกาสที่เฟดจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลง
อย่างไรก็ตาม พาวเวลล์ยังไม่ได้ให้กรอบเวลาสําหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ความเห็นของเขายังคงทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนกันยายน
ขในขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยังคงถูกกดดันก่อนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจําเดือนมิ.ย. ซึ่งจะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งอ้างอิงค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ปรับตัวขึ้นเหนือระดับต่ําสุดในรอบเกือบสี่สัปดาห์ที่ 104.85.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับฐานอยู่ที่ประมาณ 4.30%
ราคาโลหะเงินปรับตัวขึ้นต่อไปวิ่งใกล้ $31.00 หลังจากการทะลุกรอบราคาขาลงในกราฟสี่ชั่วโมง การทะลุขึ้นออกมาจากกรอบราคาดังกล่าวส่งผลให้เกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล 20 วัน (EMA) ที่ลาดเอียงขึ้นที่ 30.70 ดอลลาร์ แสดงแนวโน้มขาขึ้น
อินดิเคเตอร์ RSI 14 วันเปลี่ยนเข้าสู่กรอบราคาขาขึ้นที่ 60.00-80.00 ซึ่งบ่งชี้ว่าโมเมนตัมได้เปลี่ยนไปเป็นขาขึ้น
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน