วิเคราะห์ราคาโลหะเงิน: XAGUSD ทรงตัวที่ราคาประมาณ $30.50 ท่ามกลางการต่อสู้ของฝ่ายกระทิงและหมี
- โลหะเงินทรงตัวหลังจากลดลงต่ำกว่า 31.00 ดอลลาร์ในวันจันทร์ หมายความว่ามีการฟื้นตัวเล็กน้อย
- RSI ชี้ว่าเป็นโมเมนตัมขาขึ้น มีโอกาสทะลุ 'double bottom' ลงไปได้หากเคลียร์ด่าน $31.00 ได้สำเร็จ
- แนวต้านสําคัญอยู่ที่ 32.29 ดอลลาร์ และระดับสูงสุด YTD ที่ 32.51 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ $30.18 และ $28.57 หากฝั่งผู้ขายเข้าควบคุมเทรนด์
ราคาโลหะเงินทรงตัวเหนือบริเวณ 30.50 ดอลลาร์เป็นวันที่สองติดต่อกันหลังจากปรับตัวลดลงมากกว่า 1.20% ในวันจันทร์ ทําให้ราคาโลหะเงินร่วงลงต่ำกว่าตัวเลข 31.00 ดอลลาร์ ในขณะที่เขียนบทวิเคราะห์นี้ XAGUSD เคลื่อนไหวอยู่ที่ $30.79 และเพิ่มขึ้น 0.03% ในวันอังคาร
การวิเคราะห์ราคา XAG/USD: แนวโน้มทางเทคนิค
โลหะเงินยังคงเป็นแนวโน้มขาขึ้น มีโมเมนตัมสนับสนุนฝั่งผู้ซื้อ ดังที่อินดิเคเตอร์ Relative Strength Index (RSI) แสดงให้เห็น นอกจากนี้ รูปแบบราคา 'Double Bottom' ปรากฏขึ้น แม้ว่าการดูเชิงกันอยู่ระหว่างฝั่งกระทิงและหมีใกล้ๆ จุดสูงสุดที่สําคัญของวันที่ 21 มิถุนายนที่กลับกลายเป็นแนวรับที่ 30.84 ดอลลาร์ ทําให้ฝั่งผู้ซื้อยังรอดูสถานการณ์
แนวต้านถัดไปจะเป็นระดับสูงสุดของวันที่ 29 พฤษภาคมที่ 32.29 ก่อนไปทดสอบระดับสูงสุดของปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) ที่ 32.51 ดอลลาร์ การทะลุแนวต้านเหล่านี้ไปได้จะพาราคาขึ้นไปสู่ระดับตัวเลขทางจิตวิทยา $33.00
ในทางกลับกัน หากฝั่งผู้ขายลากราคา XAGUSD ลงต่ำกว่าระดับต่ำสุดของวันที่ 5 กรกฎาคมที่ 30.18 ดอลลาร์ นั่นจะเปิดทางสู่การลงทดสอบระดับราคา 30.00 ดอลลาร์ เป้าหมายต่อไปคือระดับต่ำสุดของขาลงรอบสุดท้ายในวันที่ 26 มิถุนายนที่ 28.57 ดอลลาร์
การเคลื่อนไหวของราคา XAGUSD ในกราฟรายวัน
โลหะเงิน: คําถามที่พบบ่อย
ทําไมผู้คนถึงลงทุนในโลหะเงิน?
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ปัจจัยใดที่มีอิทธิพลต่อราคาโลหะเงิน?
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
อุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมส่งผลต่อราคาโลหะเงินอย่างไร?
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของทองคําอย่างไร?
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน
บทความที่เกี่ยวข้อง
PTG คาดว่ายอดขายน้ำมันในช่วงปลายปีจะเติบโตดี ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและท่องเที่ยว
PTG คาดว่ายอดขายน้ำมันจะเติบโต 10-15% ในปี 67 ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจฟื้นตัวและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำฟื้นมาที่ $2,495 ก่อนการปราศรัยของพาวเวลล์และข้อมูลอัตราดอกเบี้ย
Investing.com - ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในตลาดเอเชียวันนี้ แต่ยังคงฟื้นตัวจากการร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันก่อนหน้า เนื่องจากความระมัดระวังก่อนกา
สำนักงานสถิติ NBS เผย “การดําเนินงานทางเศรษฐกิจของจีนโดยทั่วไปมีเสถียรภาพในเดือนกรกฎาคม”
หลังจากการเผยแพร่ข้อมูลการเติบโตและกิจกรรมของจีนที่มีผลกระทบสูงในเดือนพฤษภาคม โดยสํานักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ได้แสดงมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจในระหว่างการแถ
