Investing
20 พ.ย. 2024 เวลา 2:04
Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐปรับขึ้นเล็กน้อยในช่วงเย็นของวันอังคาร สะท้อนให้เห็นถึงการซื้อขายที่สดใสในวอลล์สตรีทเมื่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นก่อนการรายงานผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งถือเป็นหุ้นที่นักลงทุนกำลังจับตา
ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของ Walmart Inc (NYSE:WMT) ยักษ์ใหญ่ด้านการค้าปลีกก็ยังช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นในตลาด โดยหุ้นของบริษัททำสถิติสูงสุดใหม่หลังจากปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ประจำปี
ตลาดโดยรวมยังมองข้ามความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากมอสโกปรับลดเกณฑ์สำหรับการใช้ขีปนาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากสหรัฐอนุมัติการใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลสำหรับยูเครนในการโจมตีรัสเซีย
S&P 500 ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้น 0.1% เป็น 5,943.75 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้น 0.1% มาเป็น 20,777.75 จุด ณ เวลา 08:26 น. (GMT+7) ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.1% มาอยู่ที่ 43,448.0 จุด
Nvidia ขยับขึ้นก่อนรายงานผลประกอบการ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นในวันอังคาร นำโดย Nvidia Corporation (NASDAQ:NVDA) ที่พุ่งขึ้นเกือบ 5% ก่อนการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสในวันนี้หลังตลาดปิด โดยหุ้นยังปรับขึ้นอีก 0.3% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ
บริษัทยังเพิ่งแซงหน้า Apple Inc (NASDAQ:AAPL) ขึ้นเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก และถูกมองว่าเป็นตัวชี้วัดของความต้องการด้าน AI อีกด้วย
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีส่วนใหญ่ก็ดูสดใสเนื่องจากนักลงทุนต่างคาดหวังผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งจาก Nvidia ซึ่งมูลค่าหุ้นของบริษัทนั้นเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในปีนี้จากกระแสของ AI
แรงหนุนจาก Nvidia ยังส่งผลดีต่อหุ้นเทคโนโลยีโดยรวมในวันอังคาร Alphabet Inc (NASDAQ:GOOGL) เพิ่มขึ้น 1.6% ในวันเดียว แม้จะมีรายงานว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้วางแผนกดดันให้บริษัทแยกส่วนธุรกิจ Chrome Internet Browser จากข้อกังวลเรื่องการผูกขาด
หุ้นอื่น ๆ เช่น Comcast Corp (NASDAQ:CMCSA) เพิ่มขึ้น 2.3% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ หลังจาก The Wall Street Journal รายงานว่าบริษัทใกล้อนุมัติการแยกสินทรัพย์เคเบิลทีวีมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์
วอลล์สตรีทอาจทำจุดสูงสุดใหม่
ดัชนีในวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นในวันอังคารและยังอยู่ใกล้กับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าความเชื่อมั่นในความเสี่ยงจะเริ่มชะลอตัวลงหลังชัยชนะในการเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
นักลงทุนกำลังจับตานโยบายและทีมคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ ว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร ท่ามกลางความกังวลว่านโยบายเหล่านั้นอาจกระตุ้นเงินเฟ้อในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงในระยะสั้น โดยนักลงทุนคาดการณ์ความเป็นไปได้ถึง 60.6% ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในเดือนธันวาคม ตามรายงานจากเครื่องมือ Fedwatch ของ CME
ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.4% มาเป็น 5,916.98 จุด ขณะที่ NASDAQ คอมโพสิต พุ่งขึ้น 1% มาเป็น 18,983.43 จุดในวันอังคาร แต่ ดาวโจนส์ กลับตามหลัง โดยลดลงที่ 0.3% มาอยู่ที่ 43,268.94 จุด