tradingkey.logo

PCE ส่งสัญญาณว่างบ Q4/67 จะทะยานต่อเนื่องรับดีมานด์และราคาน้ำมันปาล์มดิบที่พุ่ง มั่นใจว่าทั้งปีจะโต 10-15% ตามเป้าหมาย

TradingKey
ผู้เขียนTony
15 พ.ย. 2024 เวลา 7:22

- ผลการดำเนินงานของ บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) ในปี 67 คาดว่าจะเติบโตแข็งแกร่ง โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นถึง 16.3% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 86.7% ภายใน 9 เดือนแรก

- การเติบโตของรายได้และกำไรได้รับการสนับสนุนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่และลูกค้ารายใหม่ ในขณะที่ต้นทุนการจัดจำหน่ายลดลง

- อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคตเมื่อเปรียบเทียบกับอินโดนีเซียและมาเลเซีย

นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) ระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการกว่า 21,747.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า 3,051.9 ล้านบาท หรือ 16.3% กำไรสุทธิสูงถึง 400.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.7% จาก 214.5 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว และสูงกว่ากำไรทั้งปี 2566 ที่อยู่ที่ 310.73 ล้านบาท คาดการณ์รายได้รวมในปีนี้จะเติบโต 10-15% ตามแผนงาน

การเติบโตเหล่านี้มีปัจจัยสนับสนุนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ใหม่ (RBDPKO) และการเพิ่มขึ้นของปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากลูกค้าหลักและลูกค้าใหม่ที่ทำสัญญาระยะยาวกับบริษัท อีกทั้งต้นทุนในการจัดจำหน่ายยังลดลง 6.4% เทียบกับปีก่อนหน้า พร้อมรับประโยชน์จาก Economy of Scale

ในไตรมาส 4/67 คาดว่าผลการดำเนินงานจะยังคงเติบโตแข็งแกร่งจากความต้องการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมอาหารและโอเลโอเคมิคอล โดยคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6-7% ในปี 2567

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มทั่วโลกยังคงขยายตัว โดยไทยยังมีโอกาสเติบโตสูงเมื่อเทียบกับอินโดนีเซียและมาเลเซีย ปัจจัยหนุนได้แก่ การขยายพื้นที่เพาะปลูกจาก 6 ล้านไร่สู่ 10 ล้านไร่ภายในปี 2572 ด้วยการสนับสนุนของนโยบายรัฐ ต้นปาล์มน้ำมันที่มีอายุให้ผลผลิตสูงเพิ่มขึ้นและราคาปาล์มที่ดีจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกปาล์มน้ำมัน

ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มอันดับ 3 ของโลก มีการผลิตในปี 2566 ทั้งหมด 3.32 ล้านตัน คิดเป็น 4% ของการผลิตทั่วโลก เทียบกับอินโดนีเซียและมาเลเซีย ที่มีสัดส่วนการผลิต 57% และ 26% ตามลำดับ

ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยTony
คำปฏิเสธ: เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น และไม่ได้สะท้อนท่าทีอย่างเป็นทางการของ Tradingkey ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น และผู้อ่านไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยอิงจากเนื้อหาของบทความนี้เท่านั้น Tradingkey ไม่รับผิดชอบต่อผลการซื้อขายใด ๆ ที่เกิดจากการพึ่งพาบทความนี้ นอกจากนี้ Tradingkey ไม่สามารถรับประกันความถูกต้องของเนื้อหาบทความ ก่อนตัดสินใจลงทุน ควรปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้

บทความแนะนำ