- ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 3.8% ตั้งแต่ต้นปี ส่วนหนึ่งมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
- การลงทุนจากต่างชาติและราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยช่วยหนุนค่าเงินบาท
- ธนาคารแห่งประเทศไทยติดตามสถานการณ์และเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนของค่าเงินบาทเพื่อปกป้องเศรษฐกิจ
น.ส.พิมพ์พันธ์ เจริญขวัญ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาค่าเงินบาทมีความผันผวนมากขึ้น โดยค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้น 3.8% ตั้งแต่ต้นปี นอกจากนี้ ยังปรับแข็งค่าอย่างรวดเร็วในกลุ่มเงินสกุลภูมิภาคในไตรมาส 3 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ปัจจัยเสริมเพิ่มเติมคือการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อทิศทางเงินสกุลภูมิภาค โดยค่าเงินบาทยังมีแรงกดดันด้านแข็งค่าเพิ่มเติมจากปัจจัยในประเทศ เช่น การไหลกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม และราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,670 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ความผันผวนมากเกินไป ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในภาคเศรษฐกิจจริง โดยธปท. พร้อมเข้าดูแลเมื่อพบว่าค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผิดปกติ