Investing.com - ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในตลาดเอเชียวันนี้ หลังข้อมูลอุตสาหกรรมแสดงการลดลงอย่างไม่คาดคิดของสินค้าคงคลังน้ำมันในสหรัฐฯ ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางก็ยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องจับตามอง
ตลาดยังรอการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญและการประชุมของธนาคารกลางในหลายประเทศสำคัญในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งน่าจะส่งผลต่อแนวโน้มความต้องการน้ำมัน
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 0.5% เป็น 71.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.6% เป็น 67.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 12:35 น. (GMT+7)
สัญญาทั้งสองปรับตัวลดลงอย่างมากในสัปดาห์นี้ หลังการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านนั้นไม่รุนแรงเท่าที่คาดการณ์ ทำให้ความกังวลเรื่องการยกระดับความขัดแย้งในตะวันออกกลางลดลงบ้าง แต่การโจมตีของอิสราเอลต่อกลุ่มฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ก็ยังคงดำเนินต่อไปโดยยังไม่มีสัญญาณการหยุดยิงที่มีนัยสำคัญ
สินค้าคงคลังน้ำมันของสหรัฐฯ ลดลง - API
ข้อมูลจาก สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน แสดงให้เห็นว่าน้ำมันคงคลังสหรัฐลดลง 0.57 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล
โดยทั่วไปแล้ว ข้อมูลดังกล่าวมักจะบ่งบอกแนวโน้มที่คล้ายกันจาก ข้อมูลสินค้าคงคลังน้ำมันอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีกำหนดการณ์จะเผยแพร่ในวันนี้ และช่วยสร้างความผ่อนคลายให้ตลาดน้ำมัน โดยแสดงให้เห็นว่าประเทศที่มีการบริโภคน้ำมันมากที่สุดในโลกอยู่ในภาวะตึงตัวพอสมควร
อย่างไรก็ตาม ความต้องการน้ำมันในสหรัฐคาดว่าจะลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากฤดูหนาวทำให้การเดินทางลดลง ขณะที่แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่สูงก็ยังคาดว่าจะส่งผลลบอีกเช่นกัน
การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมาถึงก็ยังเป็นประเด็นสำคัญที่สร้างความไม่แน่นอนต่อตลาด เนื่องจากมันจะกำหนดนโยบายสหรัฐในอีกสี่ปีข้างหน้า โดยโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริส กำลังแข่งขันอย่างสูสี ซึ่งผู้สมัครทั้งสองสัญญาว่าจะเพิ่มการผลิตน้ำมันของสหรัฐเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของพวกเขา
จับตาข้อมูลเศรษฐกิจและการประชุมของธนาคารกลาง
การประกาศข้อมูลสำคัญจากหลายประเทศก็มีกำหนดการณ์จะเผยแพร่ในอีกไม่กี่วัน รวมถึงการประชุมของธนาคารกลางหลัก
ข้อมูล GDP ภายในประเทศประจำไตรมาสที่สามจาก ยูโรโซน และ สหรัฐฯ มีกำหนดเผยแพร่ในวันนี้ ขณะที่ข้อมูล ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ และข้อมูล การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ซึ่งเป็นตัวชี้วัดตลาดแรงงานสำคัญ ก็มีกำหนดการณ์เผยแพร่ในวันศุกร์
ข้อมูลเหล่านี้จะเผยแพร่ก่อนการประชุมของ ธนาคารกลางสหรัฐ ในสัปดาห์หน้า ซึ่งธนาคารกลางคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงที่ 25 จุดพื้นฐาน
ในเอเชีย ข้อมูล PMI จากผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอย่างจีนก็มีกำหนดการณ์จะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี ขณะที่การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะให้สัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการเพิ่มการใช้จ่ายทางการคลัง
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีกำหนดการณ์ตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีกำหนดการประชุมในสัปดาห์หน้า