Investing.com - ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในตลาดเอเชียวันนี้และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางยังคงส่งผลต่อความเสี่ยงด้านราคาอย่างมาก
อิสราเอลประกาศว่าจะโจมตีอิหร่านเพื่อตอบโต้การโจมตีในต้นเดือนตุลาคม ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับความรุนแรงของความขัดแย้งที่อาจส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมันจากตะวันออกกลาง
ความสนใจในขณะนี้ยังคงอยู่ที่ความพยายามของสหรัฐฯ ในการเป็นสื่อกลางของการหยุดยิง ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังดูเหมือนจะไม่มีผลลัพธ์มากนัก
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนธันวาคมปรับตัวขึ้น 0.4% มาเป็น 74.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ปรับตัวขึ้น 0.5% มาเป็น 70.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 10:45 น. (GMT+7)
ราคาน้ำมันเตรียมทำกำไรรายสัปดาห์
น้ำมันดิบเบรนท์ และ WTI ปรับตัวขึ้นระหว่าง 1% ถึง 2% ในสัปดาห์นี้ และฟื้นตัวจากการขาดทุนอย่างมากในช่วงต้นเดือนตุลาคม
แต่การฟื้นตัวของราคาน้ำมันเพิ่มเติมกลับถูกจำกัดโดยข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของ น้ำมันดิบคงคลัง ของสหรัฐฯ ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ บ่งชี้ว่าการจัดหาน้ำมันในผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกนั้นไม่ได้ตึงตัวมากนัก
เงิน ดอลลาร์ ที่แข็งค่าก็กดดันราคาน้ำมันเช่นกัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยในจังหวะที่ช้าลงของธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจต่อเงินดอลลาร์มากขึ้น
ราคาน้ำมันยังคงซื้อขายในระดับที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดของสัปดาห์ เนื่องจากการคาดการณ์เกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางทำให้ตลาดมีความผันผวน ขณะที่อิสราเอลได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่ออิหร่านในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐยังคงพยายามเป็นสื่อกลางในการหยุดยิง โดยเฉพาะก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 ซึ่งอาจเปลี่ยนนโยบายของสหรัฐในตะวันออกกลางในอนาคต
การกระตุ้นเศรษฐกิจจีนถือเป็นที่จับตามอง
ความอ่อนแอล่าสุดของตลาดน้ำมันส่วนใหญ่เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการที่ชะลอตัวในจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศนั้นสร้างความเชื่อมั่นได้เพียงเล็กน้อย
นักลงทุนไม่พึงพอใจกับรายละเอียดที่ไม่ชัดเจนจากปักกิ่งเกี่ยวกับช่วงเวลาและขอบเขตของมาตรการที่วางแผนไว้ โดยเฉพาะในด้านการคลัง
คณะกรรมาธิการประจำสภาประชาชนแห่งชาติของจีนมีกำหนดการณ์จะจัดการประชุมในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งผู้กำหนดนโยบายคาดว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการใช้จ่ายด้านการคลังเพิ่มเติม โดยเดิมที่คณะกรรมาธิการคาดว่าจะจัดการประชุมในช่วงปลายเดือนตุลาคม แต่ก็ถูกเลื่อนออกไป