- ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นจากจีน
- ความไม่แน่นอนในตะวันออกกลางยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน
- ข้อมูลสต็อกน้ำมันทั่วโลกบ่งชี้ถึงภาวะขาดแคลนในไตรมาส 4
ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ในตลาดนิวยอร์กเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สองเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และตลาดน้ำมันได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมมีส่วนสำคัญในการผลักดันความต้องการใช้น้ำมัน
นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์รายงานว่าความต้องการใช้น้ำมันในจีนเพิ่มขึ้นประมาณ 100,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวบางส่วนหลังจากที่ลดลงมากกว่า 7% ในสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ จีนเองก็ได้กำหนดโควตานำเข้าน้ำมันดิบสำหรับปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 257 ล้านตัน หรือ 5.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ในทางกลับกัน ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลกระทบต่อตลาด โดยนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่สามารถบรรลุการหยุดยิงในการพบปะกับผู้นำอิสราเอล ซึ่งทำให้นักลงทุนยังคงมีความไม่แน่นอนว่าความขัดแย้งนี้จะมีจุดเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกาชี้ว่าสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ในขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นลดลง ซึ่งส่งผลต่อการคาดการณ์ราคาน้ำมันในตลาดต่อไป โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมในวันพุธนี้