- เศรษฐกิจไทยในปี 68 คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% โดยปัจจัยหลักที่กดดันคือสงครามการค้าและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง
- การท่องเที่ยวและการลงทุนเอกชนยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยมีมาตรการของภาครัฐเข้ามาสนับสนุนในช่วงครึ่งปีแรก
- ปี 68 เป็นปีแห่งจุดพลิกผันที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ทั้งเรื่องการส่งออก, เศรษฐกิจนอกระบบ, อุตสาหกรรมยานยนต์ และการท่องเที่ยว
ในปี 68 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.7% ตามการประเมินของ Krungthai COMPASS โดยมีปัจจัยกดดันจากสงครามการค้าและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้การส่งออกอาจเติบโตเพียง 2% นายพชรพจน์ นันทรามาศ จากธนาคารกรุงไทย ได้ระบุว่าแม้ในครึ่งปีแรกจะมีการขยายตัวที่ดี แต่การกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ จะส่งผลกดดันในครึ่งปีหลัง ฝ่ายท่องเที่ยวยังคงเป็นเครื่องยนต์หลัก โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด-19 ขณะที่ภาครัฐยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจด้วยมาตรการต่างๆ
ในด้านการลงทุนภาคเอกชน คาดว่าจะมีการขยายตัวตามแนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต อย่างไรก็ตาม ปี 68 จะเป็นปีแห่งจุดพลิกผันสำคัญที่เศรษฐกิจไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายและต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในประเด็นการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ารอบใหม่ เศรษฐกิจนอกระบบที่ใหญ่เกินครึ่งของ GDP และการลดลงของการผลิตรถยนต์ในไทย
การท่องเที่ยวจะต้องพลิกโฉมด้วยการสร้าง Man-made Destination เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่และเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว ในขณะที่การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้และหนี้ครัวเรือนยังคงเป็นความท้าทายใหญ่ โดยมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" จะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขันและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ นายพชรพจน์ กล่าวว่าปี 68 เป็นทั้งความท้าทายและโอกาสที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันในการยกระดับเศรษฐกิจไทยให้มั่นคงและยั่งยืน